TechCrunch อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า Brave ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์และบริการค้นหาข้อมูล ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ได้แจ้งปลดพนักงาน 27 ตำแหน่ง โดยกระจายอยู่ในหลายแผนกของบริษัท ซึ่ง Brave ยืนยันการปลดพนักงาน แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ
Brave เคยปลดพนักงานมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ในตอนนั้นเป็นการปลดจำนวน 9% ด้วยเหตุผลเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่าย และภาพรวมเศรษฐกิจที่มีความท้าทายสูง
ฟีเจอร์ล่าสุดที่ Brave เปิดตัวคือการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ Leo ที่พัฒนาขึ้นมา ช่วยสรุปเนื้อหาให้ผู้ใช้งาน
ที่มา: TechCrunch
- Read more about Brave ปลดพนักงาน 27 ตำแหน่ง ไม่ได้แจ้งสาเหตุ
- Log in or register to post comments
เบราว์เซอร์ Brave เปิดเผยตัวเลขจำนวนการติดตั้งบน iPhone ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในภูมิภาคยุโรป หลังจาก iOS 17.4 ของแอปเปิลเปิดให้อัพเดตสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ซึ่งมาพร้อม คุณสมบัติ ให้ผู้ใช้งานตั้งค่าเบราว์เซอร์เริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ตามกฎหมายดิจิทัล DMA ของสหภาพยุโรป
ใน iOS 17.4 ผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศยุโรปจะได้หน้าจอแสดงรายการเบราว์เซอร์ให้เลือกเป็นค่าเริ่มต้น เมื่อเริ่มใช้งานครั้งแรก ซึ่ง Brave ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้น
กราฟของ Brave แสดงให้เห็นว่ามีจำนวนดาวน์โหลดเพิ่มมาถึงกว่า 5,000 ครั้ง เฉพาะใน App Store ภูมิภาคยุโรป
เบราว์เซอร์ Brave ที่ชูจุดขายเรื่องความเป็นส่วนตัว ประกาศว่าฟีเจอร์ Leo ปัญญาประดิษฐ์ผู้ช่วย ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้สำหรับผู้ใช้งานงานเดสก์ท็อป ตอนนี้ขยายมายังผู้ใช้ Brave บน Android แล้ว
Leo บน Android มีความสามารถเหมือนกันบนเดสก์ท็อป เช่น สรุปเนื้อหาเว็บเพจหรือวิดีโอแบบเรียลไทม์, ตอบคำถามที่อิงคำตอบจากเนื้อหาในคอนเทนต์นั้น, สร้างเนื้อหาแบบยาว, แปลเว็บเพจหรือวิเคราะห์, เขียนทรานสคริปต์ของวิดีโอหรือเสียง ตลอดจนสามารถเขียนโค้ดได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดยังคงรักษาความเป็นส่วนตัว ข้อมูลถูกกำหนดเป็นนิรนาม
Brave Leo เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ Brave ทุกคน แต่สามารถสมัครใช้งานแบบพรีเมียม 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งใช้งานได้ไม่จำกัดครั้ง ใช้งานร่วมกันสูงสุด 5 อุปกรณ์
เบราว์เซอร์ Brave เพิ่มฟีเจอร์ให้ปัญญาประดิษฐ์ Leo ผู้ช่วยที่มาพร้อมกับเบราว์เซอร์ โดยในเวอร์ชั่นใหม่ Leo จะสามารถอ่านข้อมูลบนเบราว์เซอร์ได้หลากหลายขึ้น ทำให้ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้หลากหลาย
Leo สามารถอ่านข้อมูลในเอกสาร ได้แก่ 1) PDF อ่านข้อมูลไฟล์เอกสาร งานวิจัยต่างๆ เพื่อคุยกับเอกสาร 2) Google Docs สามารถอ่านและแก้ไขเอกสาร 3) Google Sheet วิเคราะห์ตารางและช่วยเขียนสูตรสมการ 4) Slack อ่านข้อความใน thread เพื่อสรุป 5) YouTube แปลงวิดีโอเป็นทรานสคริปต์และสรุปเนื้อหา
มีผู้ใช้พบว่าเว็บเบราว์เซอร์ Brave เวอร์ชันวินโดวส์ แอบติดตั้งเซอร์วิสที่เกี่ยวกับ VPN แม้ผู้ใช้ไม่ได้สมัครบริการ Brave VPN ก็ตาม
Brave เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ Firewall + VPN ในราคา 9.99 ดอลลาร์/เดือน เมื่อเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมีเบราว์เซอร์หลายตัวผนวกเอาบริการ VPN เข้ามาด้วย
เว็บเบราว์เซอร์ Brave ออกเวอร์ชัน 1.49 เพิ่มฟีเจอร์ Firewall + VPN สำหรับผู้ใช้บนเดสก์ท็อป จากที่มีให้บริการ VPN บนเวอร์ชัน iOS/Android มาก่อนหน้านี้
VPN ของ Brave ใช้เครือข่ายของ Guardian ซึ่งไม่ฟรี คิดค่าบริการ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 99.99 ดอลลาร์ถ้าสมัครรายปี โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 5 ชิ้น (นับรวมทั้งเดสก์ท็อปและมือถือ) และใช้กับแอพอื่นๆ นอกเบราว์เซอร์ได้ด้วย
เว็บเบราว์เซอร์อื่นที่มีฟีเจอร์ VPN ให้ใช้งานคือ Opera ที่ใช้งานได้ฟรี และ Microsoft Edge ที่ยังทดสอบในกลุ่มจำกัด
Brave Search บริการเสิร์ชของ Brave ที่มีจุดขายเน้นความเป็นส่วนตัวแบบเดียวกับเบราว์เซอร์ ประกาศเข้าสู่วงการ AI สร้างเนื้อหาหรือ Generative AI ด้วยเช่นกัน โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Summarizer
โดย Brave บอกว่า Summarizer เป็น AI ที่สร้างเนื้อหาแบบสรุป จากคำถามที่ผู้ใช้งานเสิร์ช โดยเน้นการให้คำตอบแบบเจาะจงไปเลย แตกต่างจาก Generative AI อื่น ที่มักให้ข้อมูลเป็นภาพกว้าง พร้อมกับแนบลิงก์เว็บที่ Brave Search ใช้ในการอ้างอิงเพื่อเขียนเนื้อหาสรุปนี้ออกมา
การทำงานของ Summarizer ใช้โมเดล LLM 3 ตัว ซึ่งไม่มีของ ChatGPT โดยตัวแรกทำหน้าที่หาคำตอบจากคำถาม ตัวที่สองนำคำตอบที่ได้มากรองเนื้อหาความถูกต้อง และตัวที่สามทำหน้าที่เขียนสรุป
Brave ผู้ให้บริการเบราว์เซอร์ที่เน้นจุดขายความเป็นส่วนตัว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาขยายไปสู่บริการ Search ที่เน้นความเป็นส่วนตัวเช่นกัน ประกาศสถิติจำนวนการค้นหาใน Brave Search ครบ 2,500 ล้านครั้ง หลัง เปิดตัว เมื่อ 1 ปีที่แล้ว มีสถิติสูงสุดในหนึ่งวันที่ 14.1 ล้านการค้นหา
เพื่อให้เห็นภาพว่าการเติบโตนี้สูงแค่นี้ Brave เทียบกับว่า Google ใช้เวลามากกว่า 1 ปี จึงถูกค้นหาครบ 2,500 ล้านครั้ง (แต่นั่นก็นานมาแล้ว) ขณะที่ DuckDuckGo ใช้เวลามากกว่า 4 ปี
Brave เบราว์เซอร์ที่พัฒนาโดย อดีตซีอีโอของ Mozilla ซึ่งชูจุดขายเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ประกาศสถิติของปี 2021 มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มากกว่า 50 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปี 2020 ที่มี 24 ล้านคน ตัวเลขผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) อยู่ที่ 15.5 ล้านคน
บริการ Brave Search มีอัตราการค้นหามากกว่า 2,300 ล้านครั้งต่อปี แม้เพิ่งเปิดตัวช่วงกลางปี ส่วนบริการโฆษณาที่เน้นความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน Brave Ads มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า
Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์ส ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Mozilla ทำเครื่องมือใหม่ Brave Wallet สร้างวอลเลตคริปโต built-in เข้ามาด้วย ผู้ใช้งานไม่ต้องไปดาวน์โหลด extension จากที่อื่น
Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์ส ที่ ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Mozilla เปิดตัวบริการเสิร์ช Brave Search ที่เน้นปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งมาจากการ ซื้อกิจการเสิร์ช Tailcat เมื่อต้นปี โดยนำมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเบราว์เซอร์ แบบเดียวกับกูเกิล หรือไมโครซอฟท์
Brave ระบุว่าบริการเสิร์ชนี้มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นอิสระ ไม่มีการติดตามผู้ใช้งาน พฤติกรรมการค้นหาก่อนหน้า หรือการคลิก รวมทั้งสร้างจากฐานข้อมูลของ Brave Search เอง ซึ่งแตกต่างจาก DuckDuckGo ที่ใช้ฐานข้อมูลของ Bing
เว็บเบราว์เซอร์ที่ต่อยอดจาก Chromium สองตัวคือ Vivaldi (ทีม Opera เดิม) และ Brave (ทีม Firefox เดิม) พร้อมใจกันประกาศไม่ใช้งานฟีเจอร์ตามรอยผู้ใช้ Federated Learning of Cohorts (FLoC) ของ Chrome ที่กูเกิลเพิ่งเริ่มใช้งาน
FLoC เกิดจากกระแสต่อต้านการตามรอยด้วยคุกกี้ และ AdID/IDFA ในช่วงหลังๆ ทำให้ กูเกิลประกาศแนวทางเลิกตามรอยแบบเจาะตัวบุคคล เปลี่ยนมาใช้วิธีตามรอยจากพฤติกรรมผู้ใช้ที่ตัวเบราว์เซอร์แทน (ดูจาก history) แต่กูเกิลชูว่า FLoC มีข้อดีตรงที่ไม่เจาะจงตัวบุคคล ใช้วิธีนิยามผู้ใช้เป็นกลุ่มแทน ผู้โฆษณาสามารถเลือกยิงโฆษณาตาม "กลุ่มผู้ใช้" แทนการเจาะรายคน
เว็บเบราว์เซอร์ Brave ประกาศซื้อกิจการเว็บค้นหา Tailcat เพื่อนำมาพัฒนาเป็นบริการค้นหาของตัวเอง Brave Search ที่จะเชื่อมโยงกับเบราว์เซอร์อย่างแนบแน่น
Brave คุยว่าแนวทางของ Brave Search จะแตกต่างจาก Google Search/Chrome ตรงที่ไม่ตามรอยผู้ใช้ ไม่เก็บหมายเลข IP หรือข้อมูลระบุตัวใดๆ เพื่อนำไปพัฒนาผลการค้นหา
Brave ยังเผยตัวเลขผู้ใช้งานว่าเพิ่มจากเดือนละ 11 ล้านคนในปี 2019 เป็น 25 ล้านคนในปี 2020 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก ด้วยเหตุผลว่าผู้ใช้สนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวขึ้นมาก ซึ่งเบราว์เซอร์ Brave ตั้งใจชูประเด็นเรื่องนี้เป็นสำคัญ
นอกจากธุรกิจเว็บค้นหาแล้ว Brave ยังมีธุรกิจโฆษณา Brave Ads และเว็บอ่านข่าว Brave Today ด้วย
เว็บไซต์ VentureBeat ทดสอบเบนช์มาร์ค วัดประสิทธิภาพของเว็บเบราว์เซอร์ 4 ตัวคือ Chrome, Firefox, Edge (ตัวใหม่) และ Brave
การทดสอบใช้ Surface Laptop ที่ติดตั้ง Windows 10 Pro ใหม่, ติดตั้งเบราว์เซอร์ทั้ง 4 ตัวที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด แล้วรันเบนช์มาร์คชื่อดัง เช่น SunSpider, Octane, Kraken ฯลฯ รวมทั้งหมด 8 ตัว ผลคือ
Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์สโดยอดีตซีอีโอ Mozilla ที่ชูจุดเด่นด้านความเป็นส่วนตัวได้ประกาศออกเวอร์ชันเต็ม 1.0 อย่างเป็นทางการแล้วบนแพลตฟอร์ม Windows, macOS, Linux, Android และ iOS
Brave ผ่านช่วงเบต้ามาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ เปิดตัวครั้งแรก ในปี 2016 โดยตัวเลขผู้ใช้งานล่าสุดของ Brave นั้นอยู่ที่ราว 8 ล้านคน และตัวเบราว์เซอร์พัฒนาบน Chromium เหมือนเบราว์เซอร์อื่น ๆ
ตัวเบราว์เซอร์ Brave นั้น ชูจุดเด่นในเรื่องความเป็นส่วนตัว คือ Brave Shield ที่จะบล็อคโฆษณา, ตัวติดตามจากบุคคลที่สาม และระบบวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งจะทำให้ Brave โหลดหน้าเว็บไวขึ้น 3-6 เท่า และประหยัดพลังงานกว่าเบราว์เซอร์อื่น
เบราว์เซอร์ Brave รายงานการสอบสวนพฤติกรรมของบริการขายโฆษณาของกูเกิล ที่รู้จักในชื่อ DoubleClick หรือ Authorized Buyers ที่สร้างรีเควสจากเบราว์เซอร์ของผู้ใช้แล้วยิงไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ โดยเมื่อผู้ใช้เข้าหน้าเว็บที่ติดตั้งบริการโฆษณาของกูเกิล จะโหลดไฟล์ html จากโดเมน pagead2.googlesyndication.com
ที่ภายในมีโค้ดสร้างสตริงระบุตัวตนผู้ใช้
หลังจากนั้นสตริงนี้จะถูกเติมเข้าไปยังรีเควสของเว็บอื่นๆ เป็นพารามิเตอร์ google_push
ต่อท้าย URL ของผู้ซื้อโฆษณา เปิดทางให้ผู้ซื้อโฆษณาเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกันในอนาคต หากผู้ซื้อเหล่านี้ไปเชื่อมโยงฐานข้อมูลเข้าด้วยกัน
หากยังจำกันได้ Google เคยเสนออัพเดตสเปค Manifest v3 ซึ่งจะส่งผลต่อตัวบล็อคโฆษณาที่ทำงานอยู่บน Chromium แม้ภายหลัง Google จะยอมถอย แต่สุดท้าย Google ก็ประกาศออกมาว่าเทคโนโลยีเก่า ๆ จะอยู่เฉพาะผู้ใช้ Chrome เวอร์ชันองค์กรเท่านั้น ส่วนเวอร์ชันปกติที่ใช้กันจะได้รับผลกระทบแน่นอน ซึ่ง Manifest v3 จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้า
Brave เว็บเบราว์เซอร์ที่ก่อตั้งโดยอดีต CEO ของ Mozilla และชูจุดเด่นเรื่องฟีเจอร์การบล็อคโฆษณาในตัว เปิดตัวบริการใหม่ Brave Ads ที่แสดงโฆษณาให้ผู้ใช้รับชม
ฟังแล้วอาจดูแปลกๆ แต่ไอเดียของ Brave คือแบ่งรายได้จากค่าโฆษณา 70% ให้ผู้ใช้ด้วย และตั้งใจแสดงเฉพาะผู้ใช้ที่เจาะจงว่าต้องการชมโฆษณา (people who welcome advertising) ทางบริษัทบอกว่าจะรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นอย่างดี และผู้ลงโฆษณาจะไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ชมโฆษณาได้
Brave เว็บเบราว์เซอร์ที่เน้นการบล็อคโฆษณาและความเป็นส่วนตัว ( ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Mozilla ) เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ยกระดับ Private Tab ไปอีกขั้น ด้วยการเพิ่ม Tor เข้ามาอีกชั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวขั้นสูงสุด
ฟีเจอร์นี้เรียกว่า Private Tabs with Tor ยังมีสถานะเป็นรุ่นเบต้าใน Brave เวอร์ชันล่าสุด 0.23 จุดเด่นคือการผนวกเอา Tor เข้ามาในเบราว์เซอร์โดยตรง ไม่ต้องลงส่วนขยายใดๆ เพิ่มเติม ช่วยให้ผู้ใช้ป้องกันร่องรอยของตัวเองไม่ให้ ISP หรือผู้ให้บริการ Wi-Fi รู้ว่าเราเป็นใคร
Brave เบราว์เซอร์ที่บล็อกโฆษณาและการติดตามเป็นค่าเริ่มต้นได้ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ DuckDuckGo บริการเสิร์ชเอนจินที่เน้นให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้
DuckDuckGo รายงาน ว่า Google นั้นไม่ได้ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้ เพราะขณะค้นหาข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน ข้อมูลที่ Google เก็บก็สามารถตามรอยผู้ใช้ได้ และ DuckDuckGo กล่าวว่าภายใต้โหมดไม่ระบุตัวตนนั้น ผู้ใช้ไม่ต้องการให้ผู้ให้บริการค้นหาติดตามตัวเอง ซึ่งการรวม DuckDuckGo เข้ากับ Brave จะทำให้ผู้ใช้มีความเป็นส่วนตัวอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งตั้งแต่วันนี้ DuckDuckGo จะเป็นเสิร์ชเอนจินแนะนำให้ตั้งเป็นค่าเริ่มต้นเมื่อผู้ใช้เปิดโหมดไม่ระบุตัวตนบน Brave
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อต้นปีเราเห็นข่าว Brave เบราว์เซอร์ตัวใหม่จากอดีตผู้บริหาร Mozilla จุดเด่นของมันคือบล็อคโฆษณามาตั้งแต่ต้น ช่วยให้การท่องเว็บรวดเร็วกว่าเดิม แต่จริงๆ แล้ว Brave มีโมเดลธุรกิจที่ลึกกว่านั้น
โหมดการบล็อคโฆษณาของ Brave แบ่งออกเป็น 3 แบบคือ อนุญาตให้แสดงโฆษณา, บล็อคโฆษณา และ Replace Adsหรือแปลงพื้นที่โฆษณาของเว็บไซต์ มาเป็นโฆษณาจากเครือข่ายโฆษณาของ Brave แทน
Brendan Eich ผู้คิดค้นภาษา JavaScript และ อดีตซีอีโอของ Mozilla เปิดบริษัทใหม่ Brave Software ทำในสิ่งที่เขาคุ้นเคยคือ "เว็บเบราว์เซอร์"
เว็บเบราว์เซอร์ตัวนี้มีชื่อว่า Brave จุดเด่นของมันคือบล็อคโฆษณาและสคริปต์สำหรับตามรอย (tracking code/pixel/cookie) เป็นค่าดีฟอลต์ ช่วยให้เว็บเพจโหลดเร็วขึ้นมาก อีกทั้งปลอดภัยจากโฆษณาฝังมัลแวร์ที่เพิ่มปริมาณเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังเปิดให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะ "สนับสนุน" เจ้าของเว็บโดยเปิดโฆษณาบางตัว (ที่ดีและมีคุณภาพ)