iFixit เว็บแกะชื่อดัง ได้รายงานข้อมูลเบื้องต้น หลังจากทำการแกะ iPhone SE รุ่นใหม่ ซึ่งแม้ดีไซน์และคุณสมบัติหลายอย่างจะเหมือนกับ iPhone 8 แต่ก็ไม่ได้เหมือนไปเสียทั้งหมด
รายงานระบุว่า ชิ้นส่วนบางรายการได้แก่ กล้อง, ถาดซิม, Taptic Engine และส่วนประกอบแสดงผล สามารถนำชิ้นส่วนจาก iPhone 8 มาใส่แทนและใช้งานได้ มีปัญหาเพียงการแสดงสี True Tone ที่ทำงานไม่ได้ตามปกติ
นอกจากนี้ iFixit ยังพบว่า ชิ้นส่วนบางอย่างภายนอกอาจดูคล้ายกัน แต่ก็นำมาใส่แทนกันไม่ได้ เช่นปุ่ม Home และแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม iFixit มองว่าการที่ชิ้นส่วนจาก iPhone รุ่นเก่านำมาใส่แทนได้บ้าง ถือเป็นข้อดีเพราะมีอะไหล่ในท้องตลาดทันทีตั้งแต่เริ่มจำหน่าย
เมื่อแอปเปิลเปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ เมื่อคืนนี้ ก็ต้องมี iPhone รุ่นที่หยุดการจำหน่าย นั่นคือ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus โดยรายละเอียดสินค้าได้ถูกถอดออกจากเว็บไซต์แอปเปิลไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ iPhone 8 มีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว เท่ากับ iPhone SE รุ่นใหม่ จึงอาจบอกได้ว่า iPhone SE เป็นรุ่นที่มาแทนที่ พร้อมกับสเปกที่แรงกว่าด้วยชิปรุ่นใหม่ A13 ส่วน iPhone 8 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว ไม่มีรุ่นมาแทนที่ (หรือจะมี iPhone SE Plus?)
เป็นไปตามรอบของการออกสินค้า เมื่อแอปเปิลเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ประจำปี iPhone 11 , iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max รุ่นก่อนหน้าที่แอปเปิลยังขายต่อไปก็มีการปรับราคาลงมา ส่วนบางรุ่นก็ยกเลิกการขายผ่านช่องทางออนไลน์ของแอปเปิลไป (แต่อาจซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่าย)
โดย iPhone รุ่นเก่าที่มีการปรับราคาลง มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้
แอปเปิลออกอัพเดตย่อย iOS 12.3.2 ในวันนี้ ถือเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์จากอัพเดตเวอร์ชันก่อนหน้านี้ 12.3.1
ข่าวดีคือผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ทั้ง iPhone และ iPad ส่วนใหญ่ไม่ต้องอัพเดต iOS 12.3.2 นี้ เพราะ iOS 12.3.2 ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะบน iPhone 8 Plusเท่านั้น ซึ่งแอปเปิลบอกว่าเป็นปัญหากล้องในโหมด Portrait ที่ไม่สร้างเอฟเฟกต์แนวลึกของภาพ
ผู้ใช้ iPhone 8 Plus สามารถอัพเดตได้ที่ Settings > General > Software Update
ที่มา: MacRumors
จากกรณี แอปเปิลแพ้คดีสิทธิบัตร Qualcomm ในเยอรมนี และโดนสั่งห้ามขาย iPhone 7, iPhone 8
ล่าสุดแอปเปิลเตรียมนำ iPhone 7 และ iPhone 8 กลับมาขายในเยอรมนีอีกครั้ง แต่เป็นรุ่นที่ใช้ชิปโมเด็มของ Qualcomm เพียงอย่างเดียว ไม่มีรุ่นที่ใช้ชิปโมเด็มของอินเทลที่เป็นปัญหาในคดีสิทธิบัตร
ในหน้าเว็บของ Apple Germany ตอนนี้ก็มีสินค้าของ iPhone 7 และ iPhone 8 กลับมาแสดงผลแล้ว
โฆษกของแอปเปิลระบุกับ Reuters ว่า "ไม่มีทางเลือก"
ที่มา - Reuters
ต่อจากข่าว ศาลเยอรมนีตัดสิน แอปเปิลละเมิดสิทธิบัตร Qualcomm จริง, สั่งห้ามขาย iPhone แล้ว เมื่อเดือนธันวาคม 2018
ตามกฎหมายของเยอรมนี คำสั่งศาลจะมีผลต่อเมื่อ Qualcomm วางเงินค้ำประกันเป็นพันธบัตรมูลค่า 1.34 พันล้านยูโร (ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท) ต่อศาล ซึ่ง Qualcomm ก็วางเงินนี้แล้วในวันที่ 3 มกราคม 2019
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แอปเปิลจะต้องหยุดขาย iPhone ทุกรุ่นที่ถูกตัดสินว่าละเมิดสิทธิบัตร (ได้แก่ iPhone 7 และ iPhone 8) ในประเทศเยอรมนี โดยหน้าร้าน Apple Store จะหยุดขายในทันที และศาลก็สั่งให้แอปเปิลเรียกคืน iPhone ที่ส่งให้ร้านค้าอื่นๆ กลับทั้งหมดด้วย
หลังจากที่แอปเปิล ยืนยัน ว่าไม่มีการแถมอะแดปเตอร์ Lightning ไปเป็นพอร์ต 3.5 มิลลิเมตร สำหรับ iPhone Xs, Xs Max และ XR แบบที่เคยทำใน iPhone 7, iPhone 8 และ iPhone X ถ้ายังอยากได้ก็ต้องซื้อเพิ่มเองในราคา 390 บาท สำหรับใครที่คิดว่าอะแดปเตอร์นี้เป็นสิ่งจำเป็น มีข่าวร้ายเพิ่มเติม
เป็นไปตามรอบการออกสินค้าของแอปเปิล เมื่อมีของใหม่มา ของเก่าก็ลดราคาหรือเลิกขายไป โดยหลังการเปิดตัว iPhone Xs และ XR ใน หน้าเว็บไซต์ของแอปเปิล ก็ได้หยุดจำหน่าย iPhone 6s และ iPhone SE ซึ่งถือเป็นสองรุ่น iPhone ที่ราคาถูกที่สุดเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังทำให้ iPhone จอเล็กที่สุดที่แอปเปิลยังขายอยู่คือ 4.7 นิ้ว (ของ iPhone 7 และ 8 ส่วน SE จอ 4 นิ้ว)
ราคาสินค้าของ iPhone 7 และ 8 ยังมีการปรับราคาลงมาดังนี้
แอปเปิลมีประเด็น iPhone ทำงานช้าลง เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพตั้งแต่ปลายปีก่อน ทำให้ต้องออกโปรแกรมเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่สำหรับ iPhone 6 ขึ้นไป ในราคาที่ ลดลงเหลือ 1,000 บาท ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะสิ้นสุด 31 ธันวาคมปีนี้ คำถามก็คือหลังจากนี้ราคาจะเป็นอย่างไรต่อไป?
โดยแอปเปิลอัพเดตข้อมูลในหน้าสนับสนุน (เฉพาะอเมริกา) ระบุว่าสำหรับ iPhone ที่หมดระยะประกันแล้ว ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่จากปัจจุบันที่ลดเหลือ 29 ดอลลาร์ จะปรับขึ้นมาเป็น 49 ดอลลาร์ มีผลตั้งแต่ปีหน้า ยกเว้น iPhone X ปรับขึ้นมาเป็น 69 ดอลลาร์ ซึ่งจะเท่ากับราคาของ iPhone Xs, iPhone Xs Max และ iPhone XR
แอปเปิลประกาศโครงการเปลี่ยนลอจิกบอร์ดให้ฟรีสำหรับผู้ใช้ iPhone 8 ที่พบปัญหาเครื่องรีสตาร์ทเอง, หน้าจอค้าง หรือเปิดเครื่องไม่ได้ โดยบอกเป็นปัญหาจากการผลิต และพบเครื่องที่มีปัญหาในจำนวนที่น้อยมาก
ปัญหานี้เกิดเฉพาะ iPhone 8 เท่านั้น ไม่มีรายงานปัญหาสำหรับ iPhone 8 Plus
ทั้งนี้ iPhone 8 กลุ่มที่แอปเปิลระบุว่าเข้าข่าย ถูกขายไปในช่วงเดือนกันยายน 2017 ถึงมีนาคม 2018 ในออสเตรเลีย, จีน, ฮ่องกง, อินเดีย, ญี่ปุ่น, มาเก๊า, นิวซีแลนด์ และอเมริกา ไม่มีการระบุถึงประเทศไทย แต่หากคิดว่าเข้าข่ายก็สามารถนำเลขซีเรียล ไปตรวจสอบได้ที่นี่
ก่อนหน้านี้ไม่นาน Samsung ออกโฆษณาตัวใหม่ ชูจุดขาย Galaxy S9 ดาวน์โหลดได้เร็วกว่า iPhone X สร้างเสียงวิจารณ์ไม่น้อย ล่าสุดมีการเปิดเผยผลการทดสอบของ Ookla เจ้าของเว็บ Speedtest.net ว่าเป็นความจริง
Bloomberg เผยแพร่ผลการทดสอบของ Ookla ระหว่าง Galaxy S9, iPhone X, iPhone 8, Pixel 2 บนเครือข่ายมือถือของสหรัฐในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเป็นการทดสอบของผู้ใช้หลักแสนคน ได้ผลดังนี้
แอปเปิลออกอัพเดต iOS 11.3.1 ในวันนี้ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ มีรายงานก่อนหน้านี้ หลังผู้ใช้ iPhone 8 พบว่าหน้าจอสัมผัสไม่ทำงาน หากใช้ชิ้นส่วนที่เปลี่ยนจากร้านซ่อมมือถือภายนอก
อย่างไรก็ตามแม้ iOS 11.3.1 จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่แอปเปิลก็ระบุข้อความว่า การใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ของแท้มาเปลี่ยนนั้น อาจส่งผลให้คุณภาพการทำงานลดลงและทำงานผิดปกติ จึงแนะนำให้ใช้ชิ้นส่วนแท้ของแอปเปิล
นอกจาก iOS แล้ว macOS 10.13.4 ก็ออกอัพเดตด้านความปลอดภัย 2018-001 ด้วย
มีรายงานว่าผู้ใช้ iPhone 8 ที่มีการเปลี่ยนหน้าจอ โดยใช้หน้าจอจากร้านซ่อมที่ไม่ใช่ศูนย์แอปเปิลเอง พบว่าเมื่ออัพเดต iOS เป็นเวอร์ชันล่าสุด 11.3 ตัวหน้าจอสัมผัสจะไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่หากยังไม่อัพเดตเวอร์ชันก็ยังใช้งานได้
แอปเปิลยังไม่ได้ออกมายอมรับปัญหานี้ แต่ลักษณะอาการนี้ถ้าใครจำได้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผู้ใช้ iPhone 6 ที่เปลี่ยนปุ่มโฮมจากร้านซ่อมภายนอก ก็พบ ปัญหาเครื่องไม่ทำงาน หากอัพเดตเป็น iOS 9.2.1 ซึ่งต่อมาแอปเปิลยอมรับว่าเป็นบั๊กในซอฟต์แวร์ ไม่ได้มีเจตนาป้องกันการใช้ฮาร์ดแวร์ภายนอก ปัญหาจึงถูกแก้ไขในอัพเดต iOS เวอร์ชันถัดมา ซึ่งกรณีนี้ก็น่าจะคล้ายคลึงกันคือต้องรอแอปเปิลออกอัพเดตซอฟต์แวร์
ไม่ผิดไปจาก ข่าวลือ มากนัก เมื่อแอปเปิลเปิดตัว iPhone 8 และ 8 Plus เวอร์ชัน Product RED แล้ว ฝาหลังยังคงเป็นกระจกเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือสีแดง พร้อมด้วยเคสหนัง Leather Folio สีแดงสำหรับ iPhone X มาพร้อมกันด้วย
iPhone 8 และ 8 Plus เวอร์ชัน Product RED จะเริ่มเปิดให้จองวันที่ 10 เมษายนนี้หลัง 1 ทุ่มครึ่ง (19.30 น.) เป็นต้นไปและจะเริ่มส่งมอบและวางขายในไทยตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน โดยราคาของรุ่น Product RED จะเท่ากับรุ่นปกติ ส่วนฝาหนัง Leather Folio ของ iPhone X วางจำหน่ายที่ราคา 4,300 บาท สั่งได้ตั้งแต่ 10 เมษายนเป็นต้นไปเช่นกัน
MacRumors รายงานอ้างอิงข้อมูลจากบันทึก (memo) ภายในของ Virgin Mobile ที่ระบุว่าแอปเปิลเตรียมจะเปิดตัว iPhone 8 และ 8 Plus สีแดงเวอร์ชัน Product RED ในวันพรุ่งนี้ตามเวลาบ้านเรา
ข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดย Mark Gurman นักข่าวสายแอปเปิลจาก Bloomberg ที่ระบุว่าจะเปิดตัวภายในสัปดาห์นี้ โดยรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 7 และ 7 Plus ที่เป็น Product RED ถูกเปิดตัวในเดือนมีนาคม
Product RED เป็นแบรนด์ที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อนำเงินที่ได้จากสินค้าภายใต้แบรนด์ ไปช่วยเหลือผู้ป่วย HIV และเอดส์ในทวีปแอฟริกาและสร้างการตระหนักรู้ถึงปัญหาดังกล่าว โดยแบรนด์ที่เซ็นสัญญากับ Product RED นอกจากแอปเปิลก็มีไนกี้, Starbucks, Converse เป็นต้น
Wistron บริษัทที่เป็นผู้รับงานประกอบ iPhone จากแอปเปิลสำหรับรุ่น iPhone 8 Plus ออกแถลงการณ์หลังมีข่าวลือว่า แอปเปิลได้สั่งหยุดไลน์การผลิตเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากตรวจสอบพบการใช้ชิ้นส่วนตัวกันน้ำจากซัพพลายเออร์ ที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากแอปเปิล
โดย Wistron บอกว่าจะไม่แสดงความเห็นรายละเอียดในข่าวลือดังกล่าว แต่ยืนยันว่าไม่มีการหยุดไลน์ผลิตเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ทุกอย่างมีการดำเนินงานตามปกติ
Wistron เป็นโรงงานประกอบเฉพาะรุ่น iPhone 8 Plus ให้กับแอปเปิล โดยมีกำลังผลิตประมาณ 20% ของความต้องการทั้งหมด ซึ่งคำสั่งผลิตส่วนใหญ่จะอยู่ที่ Foxconn
ที่มา: DigiTimes
Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิลยังคงให้สัมภาษณ์สื่อต่อเนื่อง คราวนี้เขาพูดคุยกับ The Telegraph และพูดถึงช่วงเวลาที่เลวร้าย ตอนแอปเปิลต้องออกตัวแก้ปัญหาบั๊กในซอฟต์แวร์แบบต่อเนื่องหลายวันด้วย
Schiller บอกว่าเรามีสัปดาห์ที่เลวร้าย มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นมาโดยตลอด ( บั๊ก root ใน macOS, บั๊กตัว i ใน iOS และบั๊ก HomeKit ) แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ตอนนี้ทีมได้เพิ่มการตรวจสอบอย่างระมัดระวังมากขึ้นในทุกขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
Tom's Guide เว็บไซต์รีวิวแก๊ทเจ็ทและแนะนำการแก้ปัญหาต่างๆ ได้จับสมาร์ทโฟนเรือธงหลายรุ่นมาทดสอบความเร็วของฟีเจอร์ Fast Charge ที่แทบจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานบนสมาร์ทโฟนในปีนี้
การทดสอบจะแบ่งเป็นสองช่วงคือ % ของแบตเตอรี่ในช่วง 30 นาทีและ 60 นาทีนับจาก 0 โดยอาศัยที่ชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง ยกเว้น iPhone ทั้ง 3 รุ่นในปีนี้ที่ใช้อแดปเตอร์ 29 วัตต์ที่ซื้อเพิ่ม เนื่องจาก อแดปเตอร์ที่แถมมาให้ในกล่องไม่รองรับฟีเจอร์ Fast Charge
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จากบริษัท KGI Securities ที่มีประวัติให้ข้อมูลสินค้าแอปเปิลได้แม่นยำมากที่สุด ออกรายงานล่าสุดว่า iPhone 8 มีความต้องการน้อยกว่าที่แอปเปิลคาด ส่งผลให้แอปเปิลสั่งโรงงาน Pegatron ให้ลดกำลังการผลิตในไตรมาสแรกของปีหน้าลง 50-60% จากไตรมาสปัจจุบัน
iPhone 8 Plus กลายเป็นรุ่นที่มีผู้ซื้อเพิ่มมากขึ้นแทนเนื่องจากส่วนต่างราคาที่ไม่มาก รายงานยังระบุว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะกระทบกับ Pegatron ที่เป็นโรงงานประกอบ เพราะได้การชดเชยจากคำสั่งผลิต iPhone 8 Plus และรุ่นใหม่ในอนาคตแทน
แอปเปิลประเทศไทยและค่ายมือถือได้ประกาศราคาขาย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งเริ่มเปิดให้จองในวันนี้ (1 พ.ย.) โดยราคาเครื่องเปล่าของดีแทค ทรูมูฟ เอช และเอไอเอส ที่ประกาศออกมาแล้ว เป็นดังนี้
- iPhone 8 64GBราคา 29,000 บาท
- iPhone 8 256GBราคา 35,000 บาท
- iPhone 8 Plus 64GBราคา 33,000 บาท
- iPhone 8 Plus 256GBราคา 39,000 บาท
ส่วนราคาขายผ่าน Apple Store Online จะถูกกว่า 500 บาท อย่างไรก็ตามสำหรับการซื้อผ่านค่ายมือถือนั้นจะมีแพ็คเกจส่วนลดต่างๆ ให้เลือก รายละเอียดอยู่ท้ายข่าว
ถึงแม้ iPhone 8 ในจีนจะมียอดขายซบเซาจนต้องลดราคาหลังการมาของ iPhone X แต่ถึงกระนั้น ยอดขาย iPhone รวมๆ ในไตรมาสที่ 3 ในจีนเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 40%
ข้อมูลจาก Canalys บริษัทวิจัยตลาดเปิดเผยว่าไตรมาสนี้ แอปเปิลสามารถขาย iPhone ได้ 11 ล้านเครื่องเพิ่มจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ขายไปได้ราว 8 ล้านเครื่อง และที่สำคัญไตรมาสนี้เป็นไตรมาสแรกที่ยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบแบบปีต่อปี หลังลดลงต่อเนื่องมาถึง 6 ไตรมาส โดยสาเหตุหนึ่งมาจากการลดราคาของรุ่นเก่าหลังเปิดตัว iPhone 8
ไม่เพียงแค่ iPhone X จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลามหลังการเปิดให้จองเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แต่ดูท่าว่าจะส่งผลต่อความนิยมใน iPhone 8 ที่ ค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว ให้อาจจะยิ่งน้อยลงไปอีก อย่างน้อยก็ในจีน เมื่อตัวแทนจำหน่ายหลายรายเริ่มปรับลดราคา iPhone 8 ลงจนถูกกว่าในฮ่องกงแล้ว
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของจีนอย่าง Suning.com ประกาศส่วนลดของ iPhone 8 อยู่ที่ราว 900-1,100 หยวนแตกต่างกันไปตามรุ่น อย่างรุ่นความจุ 64GB บน Suning.com ขายอยู่ที่ราว 721 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถูกกว่าในฮ่องกงที่ขายที่ 768 เหรียญสหรัฐ เช่นเดียวกับ JD.com ที่ลดราคา iPhone 8 ลง 500-800 หยวนในแต่ละรุ่น
เป็นธรรมเนียมของแอปเปิลที่จะเริ่มวางขาย iPhone รุ่นใหม่ในเดือนกันยายน และทำยอดขายได้ถล่มทลายตั้งแต่วันแรก อย่างไรก็ตาม ในปี 2017 มีความเปลี่ยนแปลงตรงที่มีทั้ง iPhone 8 และ iPhone X วางขายไม่พร้อมกัน ซึ่งหลายคนก็คงเดากันได้ว่ายอดขาย iPhone 8 ไม่ร้อนแรงมากนัก เพราะมีลูกค้าจำนวนหนึ่งเลือกที่จะรอ iPhone X ในเดือนพฤศจิกายน
บริษัทวิจัย CIRP เก็บสถิติยอดขาย iPhone ในสหรัฐต่อเนื่องมาหลายปี และพบว่ายอดขาย iPhone 8/8 Plus ในไตรมาสที่สามของปี น้อยกว่า iPhone 7 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอย่างชัดเจน
ไม่ต้องรอกันนานเท่าไรนักกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ในไทย วันนี้โอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 รายคือ AIS, dtac, True ก็ประกาศวันวางจำหน่ายพร้อมกันคือ 3 พฤศจิกายน
ส่วนเรื่องราคาก็เป็นอย่างรุ่นก่อนๆ คือยังไม่ประกาศในตอนนี้ ในเว็บไซต์ของโอเปอเรเตอร์ยังมีแค่คุณสมบัติของสินค้า และวันวางขายเท่านั้น (dtac ระบุว่าสั่งซื้อออนไลน์ได้ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน)
มีรายงานปัญหาจากผู้ใช้ iPhone 8 ในไต้หวันและญี่ปุ่นหลังจากซื้อ iPhone 8 ไปไม่กี่วัน โดยพบว่าส่วนหน้าจอเผยอลอยขึ้นมาขณะชาร์จโทรศัพท์อยู่
โดยกรณีแรกมาจากไต้หวัน เป็น iPhone 8 Plus สี Rose Gold ความจุ 64GB เมื่อชาร์จไฟด้วยอุปกรณ์ที่มีให้มาในกล่องได้ 3 นาที ส่วนหน้าจอก็เด้งเผยอออกมา และหลุดแยกออกจากกัน ซึ่งผู้ใช้งานได้เปลี่ยน iPhone เป็นเครื่องใหม่แล้ว ส่วนเครื่องที่มีปัญหาตัวแทนจำหน่ายได้นำส่งให้แอปเปิลตรวจสอบต่อไป
อีกกรณีอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ลักษณะคล้ายกันคือ iPhone 8 Plus ส่วนหน้าเผยอลอยออกมา แต่ที่ต่างไปคือผู้ใช้รายนี้พบว่าหน้าจอเด้งออกมาตั้งแต่เปิดกล่องใหม่เลย
ตัวแทนของแอปเปิลยืนยันว่ารับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว และกำลังตรวจสอบอยู่ โดยไม่ได้ให้ข้อมูลอื่นเพิ่มเติม