แอปเปิลอัพเดตรายการผลิตภัณฑ์ที่เข้าสู่สถานะรุ่นเก่าหรือเลิกการผลิต (Vintage and obsolete) ซึ่งแอปเปิลจะหยุดการสนับสนุนซ่อมแซม โดยรอบนี้มี iPhone 6 Plus รวมอยู่ด้วย
iPhone 6 Plus เปิดตัว เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ iPhone ออกรุ่นใหม่พร้อมกัน 2 ขนาดหน้าจอ โดยอีกรุ่นก็คือ iPhone 6 ที่ยังไม่เข้าสถานะสินค้ารุ่นเก่าเนื่องจากวางขายนานกว่า
iPhone 6 Plus เป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับ Apple Pay นอกจากนี้ถ้าใครจำได้ iPhone 6 Plus นี้เองที่มี ประเด็นเครื่องงอ หรือ Bendgate
แอปเปิลมีประเด็น iPhone ทำงานช้าลง เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพตั้งแต่ปลายปีก่อน ทำให้ต้องออกโปรแกรมเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่สำหรับ iPhone 6 ขึ้นไป ในราคาที่ ลดลงเหลือ 1,000 บาท ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะสิ้นสุด 31 ธันวาคมปีนี้ คำถามก็คือหลังจากนี้ราคาจะเป็นอย่างไรต่อไป?
โดยแอปเปิลอัพเดตข้อมูลในหน้าสนับสนุน (เฉพาะอเมริกา) ระบุว่าสำหรับ iPhone ที่หมดระยะประกันแล้ว ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่จากปัจจุบันที่ลดเหลือ 29 ดอลลาร์ จะปรับขึ้นมาเป็น 49 ดอลลาร์ มีผลตั้งแต่ปีหน้า ยกเว้น iPhone X ปรับขึ้นมาเป็น 69 ดอลลาร์ ซึ่งจะเท่ากับราคาของ iPhone Xs, iPhone Xs Max และ iPhone XR
ผ่านมาเกือบ 4 ปี เรื่องยังไม่จบสำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ถ้ายังจำกันได้ มีการฟ้องร้องแอปเปิลแบบกลุ่มเรื่อง Touch Disease ที่หน้าจอไม่ตอบสนองทัชสกรีน ซึ่งสาเหตุอาจมาจากเครื่องที่บิดงอเพียงเล็กน้อย ทำให้ชิปคอนโทรลเลอร์ของทัชสกรีนหลุดจากบอร์ดและทำงานผิดพลาดได้
ในคดีนี้ ผู้พิพากษา Lucy Koh เปิดเผยถึงเอกสารภายในของแอปเปิลว่า แอปเปิลรู้อยู่ก่อนแล้วว่า iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มีแนวโน้มจะงอได้ง่ายกว่าไอโฟนรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องให้เกิด Touch Disease
Apple ออกจดหมายขอโทษลูกค้าเรื่อง iPhone ทำงานช้าลงถ้าแบตเสื่อม ประกาศลดราคาค่าเปลี่ยนแบต เริ่มปีหน้า
แอปเปิลออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจง ประเด็น iPhone รุ่นเก่าที่ ทำงานช้าลง กรณีแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ซึ่งหลายคนไม่พอใจ และผู้ใช้บางส่วน เริ่มฟ้องร้อง มีรายละเอียดดังนี้
แอปเปิลยอมรับว่าการสื่อสารออกไปของแอปเปิล ทำให้ลูกค้าหลายคนรู้สึกไม่ดี แอปเปิลขอโทษลูกค้าเรื่องนี้ โดยบอกว่ายังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องในเรื่องดังกล่าวอยู่มาก ซึ่งชี้แจงทีละประเด็นคือ
- แอปเปิลไม่เคยทำ และไม่เคยต้องการลดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีการสร้างประสบการณ์ที่แย่ลงจนทำให้คนต้องไปซื้ออุปกรณ์รุ่นใหม่กว่า เป้าหมายแอปเปิลคือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ารัก และทำให้ iPhone ใช้งานได้นานที่สุด นั่นคือสิ่งสำคัญ
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนนั้น มีลักษณะคือยิ่งใช้งานไปนานๆ จะเริ่มเสื่อมสภาพตามอายุ ซึ่งมีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่าง ไม่ใช่แค่จำนวนครั้งในการชาร์จ ประสิทธิภาพนี้ยังส่งผลกระทบอาจทำให้อุปกรณ์หยุดการทำงานกะทันหัน ซึ่งแอปเปิลไม่ต้องการให้ผู้ใช้ประสบเหตุแบบนี้ ทั้งนี้สามารถอ่าน ข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่และประสิทธิภาพเพิ่มเติมได้ในหน้าสนับสนุน
หลังจากถกเถียงกันมานาน แอปเปิลก็ยอมรับ ปัญหา Touch Disease หรือจอสัมผัสกดไม่ติดของ iPhone 6 Plus ว่ามีอยู่จริง และยินดีซ่อมให้ในราคา 149 ดอลลาร์
ในกรณีที่ลูกค้าเคยส่งซ่อมมาก่อน และจ่ายเงินค่าซ่อมในราคาแพงกว่า 149 ดอลลาร์ แอปเปิลจะคืนเงินส่วนต่างให้เช่นกัน
เงื่อนไขของแอปเปิลคือ iPhone 6 Plus ต้องมีอาการดังกล่าว ต้องทำงานได้ และจอต้องไม่แตกร้าวเสียหาย ลูกค้าจะต้องติดต่อไปที่ร้าน Apple Retail Store, ตัวแทนศูนย์บริการของแอปเปิล หรือบริการหลังขายของแอปเปิลโดยตรง จากนั้นแอปเปิลจะติดต่อกลับและตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง
สำหรับลูกค้าในไทย แอปเปิลคิดค่าบริการซ่อม 5,500 บาท โดยส่งซ่อมได้ที่ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตในไทย เช่น iService, iCare, iCenter เป็นต้น
ผู้ใช้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus กลุ่มหนึ่ง เตรียมฟ้องแอปเปิลแบบกลุ่ม (class-action) จากปัญหาจอสัมผัสไม่ตอบสนอง จนไม่สามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ อาการคือพบแถบสีเทาปรากฏขึ้นที่ขอบด้านบนของหน้าจอ
เว็บไซต์จอมแกะ iFixit เรียกปัญหานี้ว่า Touch Disease โดยระบุข้อมูลจากร้านซ่อมมือถือบางแห่งในสหรัฐว่ามีคนส่งซ่อมเครื่องจากปัญหานี้ มากเกิน 100 เครื่องต่อเดือน และมีผู้ใช้คนหนึ่งโพสต์ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ในร้าน Apple Store ก็รับทราบปัญหานี้ เพราะเจอบ่อย แต่ทางแอปเปิลไม่ถือเป็นปัญหา defect จากฝั่งบริษัท เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้
สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาในกรุงปักกิ่งของจีน (Beijing Intellectual Property Office) มีคำสั่งให้แอปเปิลและ Zhongfu Telecon ตัวแทนจำหน่าย ระงับการจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus หลังพบว่า iPhone รุ่นดังกล่าวเลียนแบบดีไซน์ของโทรศัพท์รุ่น 100C ของบริษัท Baili ในเสิ่นเจิ้น
ถึงแม้โทรศัพท์รุ่น 100C และ iPhone 6 จะมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย (ดูรูปได้จากที่มา) แต่สำนักงานทรัพย์สินฯ ระบุว่าความแตกต่างนั้นแทบจะแยกกันไม่ออก และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค ซึ่งทางแอปเปิลเองก็ยื่นเรื่องไปยังศาลด้านทรัพย์สินทางปัญญาในกรุงปักกิ่งเพื่อให้ศาลมีคำตัดสินเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยศาลได้รับเรื่องแล้ว
หากศาลยังคงยืนตามคำสั่งของสำนักงานทรัพย์สินฯ iPhone 6 และ 6 Plus จะถูกแบนเฉพาะในกรุงปักกิ่งและเมืองใกล้เคียง
อัพเดต: แก้ไขเนื้อหา
ที่มา - Forbes , China.org.cn
ข่าวดีสำหรับคนที่งบไม่ถึง และรักความท้าทาย เมื่อเริ่มมีบริการแนวใหม่ในประเทศจีนที่รับเพิ่มหน่วยความจำของ iPhone โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ในราคาเบาๆ กว่าการไปซื้อรุ่นความจุสูงมาแล้ว
กระบวนการอัพเกรดหน่วยความจำของ iPhone ทำได้โดยการผ่าตัดตัวเครื่อง และเปลี่ยนชิปหน่วยความจำตรงๆ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วแอปเปิลมีระบบสำหรับตรวจสอบฮาร์ดแวร์ ซึ่งร้านที่รับอัพเกรดจะมีเครื่องมือชื่อว่า iTools สำหรับโคลนข้อมูลจากหน่วยความจำเดิมไปยังหน่วยความจำใหม่ ซึ่งรวมถึง serial number ของชิปตัวเดิมมาด้วย
แอปเปิลเปิดให้ลูกค้าที่นำเครื่องมาส่งซ่อม สามารถยืมเครื่อง iPhone ไปใช้ชั่วคราวระหว่างรอซ่อมได้ โดยบริการดังกล่าวมีให้บริการแค่ Apple Store ในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นบางสาขาเท่านั้น เงื่อนไขที่จะได้สิทธิ์ยืมเครื่องนั้น ต้องมีหนึ่งในสามเงื่อนไขต่อไปนี้
- Read more about Apple จะให้ลูกค้ายืม iPhone ไปใช้ระหว่างรอซ่อม
- 5 comments
- Log in or register to post comments
ผ่านสามวันแรกไปแล้ว แอปเปิลเลยขอประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการเสียที ซึ่งยอดขายที่ทำได้ใน 3 วันแรก คือ 13 ล้านเครื่องอันเป็นการทุบสถิติยอดขายสินค้าของแอปเปิลแทบทุกชิ้น รวมถึง iPhone 6 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วด้วย
แอปเปิลระบุเพิ่มเติมว่ายอดขายเฉพาะสองวันแรก (25-26 กันยายน) จะถูกนำไปคิดรวมกับยอดขาย iPhone ประจำไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2015 ด้วย ส่วนยอดในวันที่ 27 กันยายน จะถูกยกยอดไปคิดรวมกับยอดขาย iPhone ประจำไตรมาสที่ 1 ของปีการเงิน 2016 (ตุลาคม-ธันวาคม 2015) แทน
พร้อมกันนี้แอปเปิลยังประกาศเพิ่มว่าจะวางจำหน่าย iPhone 6s เพิ่มอีกกว่า 40 ประเทศตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป และจะวางจำหน่ายครบทั้ง 130 ประเทศที่มี iPhone วางจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้ครับ
ดูเหมือนว่า iPhone 6s จะยังทำผลงานได้ดีกับแอปเปิลตามคาด หลังจากเริ่มขายไปได้เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ตอนนี้แอปเปิลออกมาประกาศว่ายอดจองของ iPhone 6s กำลังจะแซง iPhone 6 เมื่อปีก่อนแล้ว
โดยโฆษกของแอปเปิลออกมายืนยันกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่า iPhone 6s ที่เพิ่งเปิดให้จองนั้น มีความต้องการสูงเกินกว่าที่แอปเปิลคาดไว้ และดูเหมือนจะสามารถแซงหน้ายอดจองของ iPhone 6 เมื่อปีก่อนที่ทำไว้ถึง 10 ล้านเครื่องได้อีกด้วย โดยรุ่นที่คนสนใจครั้งนี้คือ iPhone 6s Plus ที่นอกจากตัวเครื่องที่สต็อกไว้จะหมดเกลี้ยงแล้ว ฝั่งออนไลน์เองก็เติบโตอย่างมากจากปีก่อน
หลังการประกาศของแอปเปิล ราคาหุ้นก็ดีดขึ้น 2% ทันที ส่วนใครที่รอลุ้นตัวเลขจริง น่าจะได้เห็นกันในวันที่ 28 กันยายนนี้
แอปเปิลไม่ค่อยเผยข้อมูลของแบตเตอรี่ใน iPhone มากนัก แต่เราก็รู้กันดีว่า iPhone 6 ให้แบตเตอรี่ขนาด 1810 mAh มาด้วย
กรณีของ iPhone 6s แอปเปิลก็ไม่ได้เผยข้อมูลนี้ตรงๆ แต่มีคนตาดีไปเห็นในคลิปแนะนำเทคโนโลยี 3D Touch ตอนที่โชว์ภาพเรนเดอร์ภายในเครื่อง ซึ่งมีตัวเลขบนแบตเตอรี่ระบุว่า 1715 mAh น้อยลงจาก iPhone 6 นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นแค่ภาพเรนเดอร์ ต้องรอตรวจสอบจากสินค้าจริงอีกทีหนึ่งครับ (ใครอยากพิสูจน์ความแม่นของสายตาก็ลองชมคลิปท้ายข่าว)
ที่มา - MacRumors
ถึงแม้แอปเปิลจะไม่ได้ประกาศข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับ iPhone 5c บนเวทีงานเมื่อคืนนี้ แต่ผลก็เป็นไปตาม ข่าวลือ คือ iPhone 5 ถูกถอดออกจากเว็บไซต์ของแอปเปิล และ ลิงก์ไปยังหน้า iPhone 5c ก็ใช้งานไม่ได้อีกแล้ว ถือเป็นการปิดตำนาน iPhone รุ่นเดียวที่ห้อยท้าย c ในที่สุด
ให้หลังการเปิดตัว iPhone 6s รุ่นใหม่ ก็มาพร้อมกับการปรับราคาของทั้ง iPhone 6 และ 6 Plus ลงโมเดลละ 100 เหรียญ ซึ่งตอนนี้ราคาฝั่งประเทศไทยเริ่มปรับตัวตามแล้วทุกโมเดล
สำหรับ iPhone 6 รุ่น 16GB จากเดิมราคาเริ่มต้นที่ 24,900 บาท ปรับลดลงเป็น 22,500 บาท และรุ่นความจุสูงขึ้น 64GB ปรับราคาจาก 28,900 บาทลงมาเหลือ 26,500 บาท ส่วน iPhone 6 Plus รุ่น 16GB ปรับลดจาก 28,900 บาทลงมาเหลือ 26,500 บาท และรุ่น 64GB ปรับลดจาก 32,900 บาทเหลือ 30,500 บาท เรียกได้ว่าปรับราคาทุกโมเดลลงมา 2,400 บาท รวมถึงเลิกขายรุ่นความจุ 128GB ไปพร้อมกัน
ด้วยค่าเงินบาทอ่อนตัวช่วงนี้ ถ้ายังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มีความเป็นได้สูงว่า iPhone 6s จะราคาแพงขึ้นอีกครับ
นาย Lewis Hilsenteger แห่งรายการ Unbox Therapy เจ้าเก่าหน้าเดิมที่คนรู้จักหน้าค่าตากันทั่วโลกหลัง อัดคลิปดัด iPhone 6 จนงอเห็นกันจะๆ กลายเป็นกระแส Bendgate เมื่อปีก่อน อ้างว่าเขาได้รับชิ้นส่วนฝาหลังของเครื่อง iPhone 6s (ชื่อเรียกชั่วคราวในปัจจุบัน) ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ และได้ทำการทดสอบพบว่ามันแข็งแรงกว่าฝาหลังของเครื่อง iPhone 6 ของปีก่อนมาก
แอปเปิลพบว่า iPhone 6 Plus บางส่วนที่จำหน่ายระหว่างช่วงเดือนกันยายน 2014 ถึงมกราคม 2015 มีปัญหาเรื่องกล้อง iSight ซึ่งทำให้รูปถ่ายมีลักษณะหลุดโฟกัส
ผู้ใช้ iPhone 6 Plus สามารถนำหมายเลขเครื่องเข้าไปเช็คได้ที่ iSight Camera Replacement Program for iPhone 6 Plus เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องที่ใช้อยู่ในล็อตที่มีปัญหาหรือไม่ และสามารถเข้ารับบริการได้ตามเงื่อนไข ส่วน iPhone 6 ยังไม่พบปัญหาเดียวกันนี้
ที่มา – 9to5mac
KGI Securities และ Pacific Crest ได้ออกมาเผยผลวิจัยตลาดว่านับจากนี้ไป ยอดขายไอโฟนเมื่อเทียบเป็นยอดการเติบโตจากปีก่อนหน้า (Year on Year: YoY) จะเริ่มลดลงจากเดิมแล้ว หลังจากที่ปีที่ผ่านมายอดขายสูงขึ้นผิดปกติเนื่องจากแอปเปิลได้เพิ่มรุ่นไอโฟนหน้าจอใหญ่เข้ามา
ทั้งสองบริษัทวิจัยอ้างว่าพวกเขาได้ข้อมูลมาจากผู้ผลิตชิ้นส่วนของไอโฟน ซึ่งมีอุปสงค์ชิ้นส่วนลดลงจากรอบปีที่ผ่านมา
แม้ว่าจะยังไม่วางจำหน่ายจริง รวมถึงชื่อสำหรับ iPhone รุ่นถัดไป (เพื่อความสะดวกสำหรับข่าวนี้ ขอยึดตามต้นฉบับคือ iPhone 6s ไปพลางก่อน) แต่ Brikk ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หรูหราโดยการดัดแปลง เริ่มประกาศรับคำสั่งซื้อ iPhone 6s รุ่นหรูของตนเองอย่างเป็นทางการแล้ว
iPhone 6s ที่ Brikk เปิดให้สั่งจองนั้นมีสองแบบ คือแบบธรรมดาทั่วไป (เอาเครื่องมาผ่านกระบวนการเพิ่มมูลค่า) กับแบบพิเศษที่เสริมความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยเข้าไปในตัวเครื่องด้วย ซึ่งเข้ารหัสแบบ 256 บิต (ไม่ระบุว่าใช้วิธีไหน)
วันสองวันนี้มีประเด็นเรื่องโฆษณาชุด "มือถืออะไรก็ได้มาแลกเป็น iPhone 6" ของค่าย dtac ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่านำเสนอประเด็นการใช้มือถือยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ iPhone นั้นเป็นเรื่องน่าอายจนต้องซ่อนโทรศัพท์ไม่ให้ใครเห็น (รายละเอียดดูใน "ใครไม่ใช้ iPhone เป็นเรื่องน่าอาย" โฆษณาดี๊ดีจาก Dtac ที่ DroidSans)
ล่าสุดทาง dtac ออกแถลงการณ์เรื่องนี้แล้ว โดยขออภัยที่ภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ และสั่งถอดภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวแล้ว
ชี้แจงเรื่องภาพยนต์โฆษณาเครืองเก่าแลก iPhone 6
รายงานจาก Canaccord Genuity เผยว่าแอปเปิลมีส่วนแบ่งกำไรตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมดร้อยละ 92 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่งกำไรตลาดสมาร์ทโฟนที่ร้อยละ 65 โดยกำไรทั้งหมดนี้มาจากส่วนแบ่งตลาดที่อยู่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ตามหลังมาห่าง ๆ อย่างซัมซุง มีส่วนแบ่งกำไรตลาดอยู่ที่ร้อยละ 15 ซึ่งหากคำนวณแล้วจะพบว่าทั้งสองรายมีส่วนแบ่งกำไรตลาดเกิน 100% เนื่องจากผู้ผลิตรายอื่นทำกำไรไม่ได้เลย หรือไม่ก็ขาดทุน จึงมีส่วนแบ่งกำไรเป็นศูนย์หรือค่าติดลบ
ในรายงานระบุว่าเหตุผลที่แอปเปิลสามารถเพิ่มส่วนแบ่งกำไรของตัวเองได้อย่างรวดเร็วในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องจากแอปเปิลสามารถเรียกลูกค้าที่ต้องการมือถือหน้าจอใหญ่ขึ้นได้
เมื่อเร็วๆ นี้ พนักงาน Foxconn รายหนึ่งที่ชื่อ @Kjuma ได้เผยเอกสารภายในฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุถึงการเลือกใช้ชิ้นส่วนต่างๆ บน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ โดยใจความสำคัญหนึ่งของเอกสารนี้คือ iPhone 6s จะเปลี่ยนไปใช้กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลแทน
โดยการเปลี่ยนกล้องหลักในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งคือฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K และความสามารถในการถ่ายวิดีโอ Slo-mo ที่ 240 เฟรมต่อวินาที ซึ่งทั้งสองอย่างต้องใช้งานคู่กับกล้องใหม่ที่มีความละเอียดที่มากขึ้น และมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นกว่ากล้องตัวปัจจุบันที่ใช้งานอยู่นั่นเอง
เว็บไซต์ Tom's Guide ในเครือ Tom's Hardware มีการทดสอบเบนช์มาร์คของมือถือเรือธงรุ่นล่าสุด 6 รุ่นจาก 6 ค่ายคือ Samsung Galaxy S6, LG G4, Apple iPhone 6, HTC One M9, Google Nexus 6, ASUS Zenfone 2
ผลออกมาว่า Galaxy S6 ทำคะแนนรวมได้ดีที่สุด และได้อันดับ 1 จำนวน 7 หมวดจากทั้งหมด 10 หมวดการทดสอบ ส่วนอันดับสองเป็นของ LG G4 และอันดับสามคือ iPhone 6 (แต่ LG G4 เปิดกล้องเร็วที่สุดครับ) ส่วนมือถือที่ทำคะแนนได้น่าผิดหวังกลับเป็น Nexus 6 ที่ได้อันดับท้ายๆ เกือบทุกการทดสอบ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีเส้นพลาสติกบนฝาหลังของ iPhone 6 เพื่อรับสัญญาณไร้สาย ทำให้ความสวยงามของตัวเครื่องลดลงไปจมหู และดูเหมือนว่าแอปเปิลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ ออกมาหาทางแก้ในรุ่นต่อไปแล้ว
การแก้ปัญหานี้ของแอปเปิลมาจากสิทธิบัตรตัวใหม่ที่เพิ่งได้มาเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยการพัฒนาวัสดุประเภทใหม่ที่เป็นโลหะผสม แต่สามารถให้คลื่นวิทยุผ่านได้ และยังหน้าตาเหมือนกับโลหะที่ใช้กับ iPhone ในตอนนี้
การใช้วัสดุใหม่จะทำให้หน้าตาโดยรวมของ iPhone รุ่นใหม่ดูเกลี้ยงเกลากว่าเดิม (อย่างน้อยก็ไม่มีเส้นเสาอากาศ) รวมถึงจะเอาไปใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างทัชแพดบน Mac ให้ดูกลืนไปกับเครื่องในอนาคตอีกด้วย
บริษัทที่จัดทำดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของผู้บริโภคในสหรัฐ หรือ American Customer Satisfaction Index (ACSI) ได้เผยผลสำรวจความพึงพอใจต่อสมาร์ทโฟนของคนอเมริกันออกมา ปรากฎว่าผู้บริโภคพึงพอใจ Galaxy Note 4 และ มากกว่า iPhone 6 และ 6 Plus
ผลดัชนีชี้วัดของ Galaxy Note 4 อยู่ที่ 86 จาก 100 คะแนน ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ iPhone 6 Plus, iPhone 6, Galaxy Note 3 และ Galaxy S5 อยู่ที่ 82 คะแนน โดยดันอับที่รองลงมาเป็นของ Moto X, LG G3, iPhone 5 และ Galaxy S4 ครับ
ทั้งนี้ Galaxy S6 และ S6 edge วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการหลังช่วงเวลาที่ทำการสำรวจ จึงไม่ปรากฎอยู่ในดัชนีนี้ครับ
ผมเชื่อว่าผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนหลายคนตัดสินใจย้ายค่ายจาก Android มา iPhone หลังจาก iPhone 6 วางขายไปแล้วอย่างเป็นทางการ และปัญหาสำคัญที่เกิดจากการย้ายค่ายนั่นก็คือ ความเคยชินในการกดปุ่ม back เพื่อกดย้อนกลับไปยังหน้าก่อนหน้านี้ หรือแม้แต่ปัญหาที่ผู้ใช้งานไม่สามารถใช้ iPhone 6 ด้วยมือเดียวได้ แม้จะมี ฟีเจอร์ Reachablilty มาแล้วก็ตาม
ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อมาพบกับ Halo Back กระจกกันรอยที่นอกจากจะช่วยกันรอยให้กับ iPhone ของคุณแล้ว มันยังมีปุ่ม back ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายในการกดย้อนกลับไปหน้าต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้ไม่ต้อง Jailbreak, ไม่ต้องต่อบลูทูธ, ไม่ต้องใช้แอพ และไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ให้กับตัวกระจกนี้เลย