สำนักข่าว CNBC เปิดเผยที่มาของแนวคิด Metaverse ว่ามาจาก Jason Rubin ผู้บริหารของ Oculus เขียนเอกสารภายในชื่อ "The Metaverse" เป็นสไลด์ความยาว 50 หน้าเมื่อปี 2018 กระตุ้นให้บอร์ดบริหารของ Facebook ต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
Jason Rubin เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Naughty Dog ในปี 1986 และโด่งดังในฐานะผู้สร้างเกม Crash Bandicoot เขาลาออกจาก Naughty Dog ในปี 2004 แล้วไปทำงานกับ THQ เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนมาร่วมงานกับ Oculus ในปี 2014 จนถึงปัจจุบัน (ตำแหน่งปัจจุบันคือ VP Metaverse Content)
วิสัยทัศน์ของ Rubin วาดภาพ metaverse ออกมาเป็นการใช้ชีวิตในเมืองเสมือนจริง แต่งตัวอวตารของตัวเองได้ มีสกุลเงินเสมือน และเมื่อเจอกับคนอื่นที่น่าสนใจก็สามารถแต่งงานกันได้
ภาพจาก @Jason_Rubin
เอกสารฉบับนี้บอกให้ Facebook "ไปไกลกว่า VR" เพราะตลาดมีจำกัด (เมื่อปี 2018 Oculus มีผู้ใช้งาน 250,000 คนต่อเดือน) จึงต้องหาวิธีสร้าง metaverse ที่เข้าถึงคนจำนวนมากๆ ให้ได้ ซึ่งไม่มีวิธีอื่นนอกจากการทุ่มกำลังครั้งใหญ่ (massive launch) ให้เข้าถึงคนเหล่านี้
Rubin ยังเสนอให้ Facebook หาพาร์ทเนอร์เพื่อช่วยผลักดัน metaverse ไปด้วยกัน จะได้เร็วกว่าการทำเองลำพัง เขายังพยากรณ์เอาไว้ว่า metaverse จะมีอันเดียวเท่านั้น คนที่ทำสำเร็จก่อนคือผู้ชนะคนสุดท้าย หากปล่อยโอกาสทิ้งไว้ก็จะไม่สามารถเอาชนะในตลาดนี้ได้อีกเลย คู่แข่งที่เขาระบุชื่อในเอกสารคือ Google, Apple, Sony, HTC และ Valve
Rubin ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ยืนยันว่าเอกสารนี้เป็นของจริง แต่ก็ออกตัวว่าไม่ได้มีแต่บันทึกของเขาฉบับเดียว ยังมีการผลักดันของคนอื่นๆ อีกมาก
ที่มา - CNBC
Comments
รู้สึกว่าคนนี้เป็นคนออกแบบตัว แครช ด้วยมั้งครับ?
ผมคิดว่า blognone ควรมี tag Metaverse ได้แล้วนะครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ถ้ามีพูดอยู่บริษัทเดียวก็ใช่แท็กบริษัทครับ
เนิร์ฟเกียร์ต้องมา
ย่อหน้า 2 น่าจะเขียนปีก่อตั้งกับปีที่ลาออกสลับกันอยู่นะครับ
ส่วนตัวผมว่าถ้า Metaverse ถ้าจะเกิดก็น่าจะมี 2 แบบ คือ แบบที่จำลองผู้ใช้เป็นการ์ตูน กับแบบสมจริง เพียงแต่ใครจะยึดครองตลาดไหน ฝั่ง Facebook น่าจะไปแบบจำลองเป็นการ์ตูน เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้กลุ่มกว้าง แต่ตลาดมันก็จะว่างสำหรับระบบแบบสมจริงซึ่งตรงนี้ผมว่า Microsoft กับ Google รวมถึง IBM น่าจะจ้องอยู่ เพราะมันเข้าถึงตลาด Enterprise ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจุดตายน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่สวมใส่เพื่อเข้าถึงโลก Metaverse ถ้ายังเป็นแบบปัจจุบันน่าจะเกิดยาก แต่ถ้าออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายกว่านี้น่าจะเป็นไปได้
ของ Microsoft น่าจะอีกประมาณ 5 ปีขึ้นไปอาจได้เห็น แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ากลาโหมสหรัฐจะยอมให้แค่ไหน ส่วน Facebook น่าจะเร่งออกมาในภาย 2-3 ปีนี้แหล่ะเพราะพี่ Mark ดูเหมือนจะหมดความสนใจในตัว Social Media ไปแล้ว จ้องพุ่งไปที่โลกเสมือนจริงอย่างเดียว แต่ผมว่ากลุ่ม Social Media นี่แหล่ะจะเป็นตัวฉุดให้เกิดโลกเสมือนจริงช้าลงจากปัญหาที่ไม่ยอมแยก BU ออกจากกันปัญหาเดิมก็จะมาคอยหลอกหลอนเรื่อยๆ โดยมีรัฐคอยเตะสะกัดเป็นช่วงๆ
มี Apple นี่แหล่ะที่ภาพยังไม่ชัด แต่คาดว่าถ้าทำก็น่าจะมาเป็นคู่แข่งฝั่ง Facebook มากกว่า
ที่ TV 3D ต้องดับไป ก็เพราะปัญหาผลข้างเคียงจากการใช้งาน
พอมาเป็นโลกเสมือนแล้ว เดี๋ยวก็จะมีปัญหา motion sickness เล่นไม่ได้ๆ