Barack Obama
หลังลงจากตำแหน่ง อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ไปทำธุรกิจหลายอย่าง งานหนึ่งคือตั้ง บริษัทผลิตสื่อชื่อ Higher Ground ร่วมกับภรรยา มิเชล โอบามา ( เนื้อหามีทั้งที่เจ้าตัวจัดเองและคนอื่นจัด ) และ เซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับ Spotify เมื่อปี 2019
แต่ล่าสุด Higher Ground เปลี่ยนไปเซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับ Audible บริษัทหนังสือเสียงในเครือ Amazon แทนแล้ว หลังหมดสัญญากับ Spotify และทั้งสองฝ่ายตัดสินใจไม่ต่อสัญญากัน
Spotify ประกาศเปิดตัวพอดคาสต์รายการใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ได้อดีตประธานาธิบดี Barack Obama และศิลปิน และนักแต่งเพลงชื่อดัง Bruce Springsteen มาจัดรายการคู่กันในชื่อรายการ Renegades: Born in the USA มีทั้งหมด 8 ตอน
เนื่้อหารายการเป็นการพูดคุยเรื่อง เชื้อชาติ, ความเป็นพ่อ, การแต่งงาน และสถานะของอเมริกา ตัวรายการผลิตโดย Higher Ground ซึ่งได้เซ็นสัญญาผลิตรายการให้ Spotify ตั้งแต่ปี 2019 และ Renegades: Born in the USA เป็นรายการที่สองที่ทางบริษัทผลิตขึ้น หลังจากทำรายการแรก The Michelle Obama Podcast
นอกจากโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ จะชี้ว่า เกมเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดความรุนแรงกราดยิงแล้ว เขายังบอกด้วยว่าโซเชียลมีเดีย ควรจะตรวจจับเบาะแสได้ล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ด้าน บารัก โอบามา อดีต ปธน. บอกว่า ควรมีกฎหมายปืนที่เข้มงวดกว่านี้ และโซเชียลมีเดียควรลดการแพร่กระจายของเนื้อหานิยมความรุนแรง
Spotify เป็นอีกแพลตฟอร์มสำหรับคนหาฟังพอดคาสต์ ซึ่งล่าสุดได้ดีลใหญ่มาไว้ในมือคือ ได้เซ็นสัญญาทำพอดคาสต์กับ Higher Ground โปรดักชั่นของบารัก และ มิเชล โอบามา โดยทั้งคู่จะมาพูดพอดคาสต์ให้ฟังในบางตอนด้วย สำหรับเนื้อหาพูดคุยยังไม่ชัดเจนว่าจะครอบคลุมเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งในการแถลงระบุแค่ว่าเป็นการคุยกันในหลายๆ หัวข้อ
Obama เคยมาปรากฎเป็นแขกในรายการ My Next Guest บน Netflix ไปแล้ว ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐมาปรากฎตัวในรายการสตรีมมิ่งออนไลน์ และล่าสุดดูเหมือนจะไม่หยุดแค่นั้น เมื่อ The New York Times รายงานว่า Obama เตรียมจะออกในรายการหรือสารคดีบน Netflix อีกตัว
รายละเอียดของรายการยังไม่ได้ข้อสรุป แต่แหล่งข้อมูลของ New York Times ระบุว่าเนื้อหาน่าจะออกมาในเชิงให้แรงบันดาลใจ ซึ่งสะท้อนจากช่วงเวลา 8 ปีที่ Obama เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รวมไปถึงจะม่ีเรื่องราวของ Michelle Obama ในช่วงที่เธอเป็นสตรีหมายเลข 1 ด้วย
ที่มา - The New York Times
จากประเด็นบัญชีปลอมจากรัสเซียซื้อโฆษณาเพื่อการเมืองบน Facebook ช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ซีอีโอ Mark Zuckerberg ต้องออกมาประกาศว่าจะจัดการแพลตฟอร์มโฆษณาของตัวเองให้ดีขึ้น หาโซลูชั่นยืนยันตัวตนบุคคลและกลุ่มคนที่มาซื้อโฆษณา ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองก็ออกมาเรียกร้องว่าให้มีการเปิดเผยข้อมูลการซื้อโฆษณาของ Facebook โดยเฉพาะโฆษณาที่มีเป้าหมายทางการเมือง
The Washington Post รายงานว่า หลังจากผลการเลือกตั้งปี 2016 ออกมาเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถึงกับมาพูดคุยกับ Zuckerberg ด้วยตัวเอง เพื่อให้เขาตระหนักว่าปัญหาข่าวปลอมบน Facebook สร้างผลกระทบแย่กว่าที่คิด
หลังจากเหตุการณ์ปะทะกันที่เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ ที่ทำ CEO 3 รายลาออกจากการเป็นคณะที่ปรึกษาให้ทรัมป์ ตามด้วยการ เดินหน้าแบนเว็บขวาจัด เต็มที่ของ องค์กรไอที ล่าสุด แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะ ไม่ได้มีท่าทีประณามใดๆ ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่อดีตผู้นำสหรัฐฯ บารัค โอบามาออกมาแล้ว
เขาทวีตข้อความถึงกรณีการปะทะกันที่ชาร์ล็อตต์วิลล์ว่า
ไม่มีใครเกิดมาเพื่อเกลียดชังคนใดคนหนึ่งเพียงเพราะเขามีสีผิว ภูมิหลัง หรือความเชื่อทางศาสนาที่ต่างไปจากเรา ผู้คนเรียนรู้ที่จะเกลียดชัง หากพวกเขาเรียนรู้ที่จะเกลียดชังได้ พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะรักได้เช่นกัน เพราะความรักเกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์มากกว่าความเกลียดชัง
วันนี้ Lyft บริษัททำบริการแชร์รถแถลงผ่าน บล็อก ว่าทางบริษัทได้ตัวบอร์ดบริหารมาใหม่คือ Valerie Jarrett ผู้ซึ่งเคยรับหน้าที่ที่ปรึกษาสมัยบารัค โอบามา ยังคำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทสตาร์ทอัพรายใหญ่ ได้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาร่วมกำกับดูแลบริษัท ก่อนหน้านี้ Uber ก็ได้ตัว David Plouffe อดีตที่ปรึกษาอาวุโสของโอบามามาเป็นบอร์ดตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบัน
การเปลี่ยนเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ประธานาธิบดีสหรัฐ @POTUS มาเป็นของโดนัลด์ ทรัมป์ มีประเด็นถกเถียงเกิดขึ้น เพราะ ทวิตเตอร์ย้ายข้อมูลในยุคโอบามาไว้อยู่ในบัญชีใหม่ @POTUS44 และผู้ที่กดติดตาม @POTUS ตั้งแต่ยุคโอบามา จะติดตามทั้งสองบัญชีโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งโวยว่าไม่ได้ติดตาม @POTUS มาตั้งแต่ช่วงโอบามา แต่พอย้ายเป็นของทรัมป์แล้ว กลับกลายเป็นว่าติดตาม @POTUS ไปซะอย่างนั้น (คนจำนวนมากไม่ชอบทรัมป์อยู่แล้ว พอมาเจอแบบนี้เลยรู้สึกว่าถูกยัดเยียด)
งานแรกของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา หลังก้าวลงจากตำแหน่งและกลับมาเป็นประชาชนธรรมดา คือเปิดเว็บไซต์ใหม่ Obama.org สำหรับงานของมูลนิธิ Obama Foundation ที่เขาจะทำงานต่อไปในอนาคต
Obama Foundation ระบุว่าจะเป็นองค์กร startup สำหรับภาคประชาชน มีโครงการหลากหลายรูปแบบและทำงานครอบคลุมทั่วโลก เป้าหมายคือช่วยพัฒนาประชาชนในศตวรรษที่ 21 ตอนนี้มูลนิธิยังไม่ประกาศว่าจะทำโครงการอะไรบ้าง แต่ก็ขอให้ประชาชนที่สนใจร่วมเสนอไอเดียเข้ามายังเว็บไซต์ได้แล้ว
โอบามาบอกว่าหลังพ้นตำแหน่งแล้ว เขาจะยังยืนเคียงข้างประชาชนในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และทำงานเพื่อประชาชนต่อไป
ที่มา - The Verge
อย่างที่ทราบกันว่าผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จะมีโทรศัพท์ประจำตัวอย่างน้อยๆ หนึ่งเครื่อง ซึ่งจะถูกเข้ารหัส ถูกล็อคและปิดกั้นการเข้าถึงการเชื่อมต่อต่างๆ เอาไว้ทั้งหมด ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่ง Donald Trump ที่กำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันพรุ่งนี้ ได้รับเครื่องประจำตำแหน่งแล้ว แต่ไม่มีรายงานว่าเครื่องที่ Trump ใช้เป็นยี่ห้อและรุ่นอะไร โดยเครื่องสุดท้ายที่เขาใช้คือสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์
ถ้ายังจำกันได้ ในปี 2010 มีเหตุการณ์ใหญ่ที่เว็บไซต์ Wikileaks เผยแพร่โทรเลขลับของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก และ Julian Assange ผู้ก่อตั้ง Wikileaks ต้องลี้ภัยทางการเมือง
ต้นตอของเอกสารหลุดครั้งนี้มาจาก Bradley Manning ทหารสังกัดกองทัพสหรัฐที่เคยประจำการในอิรัก (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Chelsea Manning ตามเพศที่คิดว่าตัวเองเป็น) ซึ่งเข้าถึงเอกสารเหล่านี้ และลักลอบนำออกมาส่งต่อให้กับ Wikileaks อีกทีหนึ่ง
หลังจากสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่าประธานาธิบดี Barack Obama พูดเชิงหลอกล้อกับ Mark Brzezinski เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำสหรัฐฯ ที่เดินทางมาเยือนทำเนียบขาวว่า กำลังรอตำแหน่งใน Spotify อยู่นั้น (Spotify เป็นบริษัทสัญชาติสวีดิช)
ล่าสุด Spotify ขึ้นหน้าเว็บเปิดรับตำแหน่ง "President of Playlist" ใหม่ โดยถึงแม้จะไม่ได้ระบุชื่อ Obama ในหน้ารับสมัคร แต่คุณสมบัติผู้สมัครระบุว่าต้องมีความคุ้นเคยกับ Spotify, มีประสบการณ์บริหารประเทศมาอย่างน้อย 8 ปี และได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมาแล้ว ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐที่กำลังจะหมดวาระลง ( Obama เคยมีเพลย์ลิสต์เพลงของตัวเองบน Spottfy ด้วย )
บัญชีทวิตเตอร์ของโอบามา หรือ @Potus กำลังจะถูกชำระล้าง และส่งต่อให้ประธานาธิบดีคนใหม่ แต่โดนัลด์ ทรัมป์มีทวิตเตอร์ของตัวเองอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะใช้บัญชีนี้ด้วยหรือไม่ ก็เป็นเรื่องอนาคต แต่ @Potus ยังไงก็ต้องเจอบิ๊กคลีนนิ่ง
แฟนๆโอบามาไม่ต้องตกใจไป เพราะสามารถค้นหาโพสต์ของเขาย้อนหลังได้ทุกโพสต์ ไม่เพียงทวิตเตอร์ แต่เป็นโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง (Instagram, Twitter, Flickr, Facebook, Google+ และ Pinterest) เพราะทำเนียบขาวสร้างแฟ้มเอกสารออนไลน์เก็บข้อมูลโพสต์โอบามาตั้งแต่ขึ้นทำงานเป็นประธานาธิบดีไว้ที่ The Obama White House - Social Media Archive สามารถค้นหาตามหัวข้อเรื่องที่อยากรู้ หรือค้นหาแยกเป็นรายโซเชียลมีเดียไป
ต่อจากข่าว โอบามาสั่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐ สอบสวนการโจมตีไซเบอร์ช่วงการเลือกตั้งปี 2016 วันนี้ ทำเนียบขาวออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ยืนยันการโจมตีไซเบอร์จากรัฐบาลรัสเซียแล้ว
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ระบุว่าการโจมตีไซเบอร์เพื่อขโมยข้อมูลในช่วงเลือกตั้ง ถูกขับเคลื่อนโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัฐบาลรัสเซีย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ด้านการทูตของสหรัฐในกรุงมอสโก ก็ถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยและตำรวจรัสเซียมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทำเนียบขาวแถลงข่าวว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา สั่งการให้หน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐ ตรวจสอบการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 หลังมีรายงานการโจมตีจากประเทศรัสเซีย
Lisa Monaco ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของโอบามา ให้ข้อมูลกับสื่อว่าโอบามาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง โดยให้หน่วยงานด้านข่าวกรองตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการเลือกตั้งปี 2016 อย่างละเอียด ตรวจสอบเทียบกับการเลือกตั้งรอบก่อนๆ และขอให้เร่งทำเรื่องนี้ให้เสร็จ ก่อนเขาหมดวาระเป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2017
ประเด็น ข่าวปลอมบน Facebook เป็นสาเหตุหนึ่งช่วยให้โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีหรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องถกเถียงกันในวงการสื่อ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งจริงหรือไม่ แต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็หยิบประเด็นนี้มาพูดในงานประชุมกับสื่อที่กรุงเบอร์ลินกับแองเจลา แมเคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน
โอบามาระบุว่า ในยุคนี้มีข่าวที่ข้อมูลผิดมากบน Facebook และมีมาเรื่อยๆ แม้ดูภายนอกจะมีลักษณะเหมือนเป็นข่าว การเปิดเข้าหน้า Facebook ไม่ต่างกับการเปิดโทรทัศน์ เราไม่รู้ว่าเราต้องปกป้องอะไร เราไม่รู้ว่าเราสู้กับอะไร
บารัค โอบามา เป็น ประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่มีบัญชีทวิตเตอร์ประจำตำแหน่ง @POTUS (ย่อมาจาก President of the United States)
เมื่อบารัค โอบามา กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง บัญชีทวิตเตอร์อันนี้ก็จะถูกส่งต่อให้กับประธานาธิบดีคนถัดไป คำถามคือการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรบ้าง
ทำเนียบขาวมีคำตอบเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยบัญชี @POTUS จะถูกลบข้อความทวีตทั้งหมดในยุคโอบามา เพื่อให้ประธานาธิบดีคนใหม่มีบัญชีเปล่าๆ พร้อมใช้งาน (แต่ยังมีคนฟอลโลว์ 11 ล้านคนเหมือนเดิม) ข้อความเหล่านี้จะย้ายไปเก็บไว้ในบัญชี @POTUS44 เพื่อเป็นคลังข้อความจดหมายเหตุแห่งชาติ (archive) ซึ่งนโยบายนี้จะใช้กับบัญชีอื่นๆ อย่างสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง (@FLOTUS) รองประธานาธิบดี (@VP) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงตำแหน่งอื่นๆ ด้วย
ประธานาธิบดีโอบามา ให้สัมภาษณ์พูดคุยกับเว็บไซต์ WIRED ซึ่งเจ้าตัวก็เป็นบรรณาธิการรับเชิญพิเศษ โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตล้วนๆ ทั้งรถไร้คนขับ AI ซึ่ง Blognone ได้สรุปมาให้อ่านประเด็นหนึ่งแล้วคือ ประเด็น AI แย่งงานคน โดยเขามองว่าแรงงานที่มีทักษะขั้นสูงจะใช้ประโยชน์จาก AI และเครื่องจักร ช่วยยกระดับคุณภาพของสินค้าและเพิ่มยอดขายได้อีกมาก แต่แรงงานทักษะต่ำจะเจอปัญหา
ในบทสัมภาษณ์ยังมีน่าสนใจหลายประเด็นเกี่ยวกับทิศทางอนาคตของโลก
ทำเนียบขาวเคยออก บ็อตคุยกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา บน Facebook Messenger เพื่อขยายช่องทางให้ประชาชนสื่อกับประธานาธิบดี (แม้ ถูกวิจารณ์ว่าบ็อตไม่เก่งอย่างที่ควร )
ล่าสุดโค้ดของบ็อตตัวนี้ถูกโอเพนซอร์สสู่สาธารณะแล้ว ตัวบ็อตเป็นโมดูลของ Drupal 8 (CMS ที่ทำเนียบขาวเลือกใช้งาน) และจำเป็นต้องเชื่อมกับเพจ/แอพของ Facebook ถึงจะใช้งานได้
ทำเนียบขาวบอกว่าเปิดซอร์สโค้ดเพื่อเป็นต้นแบบให้นักพัฒนารายอื่นๆ รวมถึงรัฐบาลอื่นๆ นำไปสร้างบ็อตให้บริการประชาชนแบบเดียวกัน โดยไม่ต้องลงทุนพัฒนาบ็อตใหม่ทั้งหมด โค้ดดูได้จาก GitHub
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกมาให้สัมภาษณ์ในประเด็นร้อน "AI จะแย่งงานคนหรือไม่" เขามองโลกในแง่ดีว่าทุกครั้งที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ งานเก่าจะหายไป แต่จะมีงานแขนงใหม่เกิดขึ้นมา
ส่วนในยุคของ AI เขามองว่าแรงงานที่มีทักษะขั้นสูงจะใช้ประโยชน์จาก AI และเครื่องจักร ช่วยยกระดับคุณภาพของสินค้าและเพิ่มยอดขายได้อีกมาก แต่แรงงานทักษะต่ำจะเจอปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะค่าแรงที่ถูกกดลง
เขาบอกว่าทุกคนในสังคมต้องพูดคุยเพื่อเตรียมพร้อมการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ เราต้องออกแบบสัญญาประชาคม (social contract) กำหนดสายสัมพันธ์ของคนกับรัฐกันใหม่ ว่าโมเดลที่เหมาะสมในอีก 10-20 ปีข้างหน้าคืออะไร สุดท้ายแล้วเราต้องมีกำหนดรายได้ขั้นต่ำให้กับทุกคน (universal income) หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันต่อไป
ที่มา - Wired , ภาพจาก White House
บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ขึ้นพูดในช่วงการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นภารกิจการประชุม G20 โดยช่วงหนึ่งมีการพูดถึงบทบาทของไซเบอร์สเปซในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมีย ปูตินของรัสเซีย
โอบามายอมรับว่าสหรัฐ เป็นประเทศที่มีศักยภาพทางด้านนี้ ทั้งในเชิงรุกและรับมากที่สุดในโลก ขณะที่หลายประเทศก็มีศักยภาพด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่เป้าหมายของสหรัฐ ไม่ได้ต้องการก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่แข็งกร้าว อย่างที่เคยเกิดขึ้นจากการแข่งขันกันสะสมอาวุธ (arm race) ของมหาอำนาจในอดีต แต่สิ่งที่สหรัฐจะทำ คือสร้างปทัสถาน (norms) ที่แต่ละประเทศจะมีบทบาทในไซเบอร์สเปซร่วมกันอย่างรับผิดชอบ
สำนักข่าว Wired แหล่งข่าวเทคโนโลยีมักจะเชิญคนดังมาเป็น บก.ชั่วคราวทุกปี ย้อนไปในปี 2013 ผู้ที่ได้รับเชิญคือ บิล เกตส์, ปี 2014 คือ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ฝากฝีมือลือลั่นมาแล้วหลายเรื่อง เช่น Inception, Interstella ปี 2015 คือ Serena Williams นักเทนนิสชื่อดัง และในปีนี้ผู้ที่ได้รับเชิญคือ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา
- Read more about นิตยสาร WIRED เปิดตัว บก. รับเชิญประจำปีนี้ บารัค โอบามา
- Log in or register to post comments
จากข่าว ทำเนียบขาวเปิดให้ส่งข้อความถึงประธานาธิบดีทาง Facebook Messenger ซึ่งผู้ใช้จะได้พูดคุยกับแชตบ็อต ใน Messenger ล่าสุดมีคนออกมาวิจารณ์ว่า เจ้าแชตบ็อตนี้ไม่เห็นจะอัจฉริยะตรงไหน
ทำเนียบขาวออกประกาศว่า ตอนนี้ทางหน่วยงานได้เปิดให้ใช้งาน Facebook Messenger เป็นหนึ่งในช่องทางสำหรับการส่งข้อความถึงประธานาธิบดี Barack Obama
ในประกาศของทำเนียบขาวนั้น บอกว่าประธานาธิบดีได้อ่านจดหมายจากพลเมืองจำนวน 10 ฉบับในทุก ๆ วันอยู่แล้ว ซึ่งจดหมายเหล่านี้เป็นจดหมายที่ส่งมาทางไปรษณีย์ แต่การเปิดช่องทางใหม่จะช่วยให้โอกาสแก่ชาวอเมริกันมากขึ้น เพราะใครที่มีบัญชี Facebook ก็สามารถส่งข้อความถึงประธานาธิบดีได้ทันที
วิธีส่งข้อความ เพียงแค่เข้าไปที่ เพจของทำเนียบขาว และกดปุ่มส่งข้อความ หรือเข้าไปที่ลิงก์โดยตรงที่ m.me/whitehouse