จะเข้าทำงานที่ใหม่แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปรอดกับวัฒนธรรมองค์กรไหม ต้องคิดแล้วคิดอีก จะเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ก็กลัวจะดูไม่ดี รีวิวบริษัทก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่บางครั้งก็อาจต้องใช้สัญชาติญาณแล้วเดาทางไปเอง
เวลาอ่าน Job Description ของงานแต่ละตำแหน่ง เราอาจเจอคีย์เวิร์ดซ้ำอย่าง สามารถ “ทำงานภายใต้ความกดดัน” “ทำงานในสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” หรือ “จัดการกับความเครียดได้” และนั่นอาจเป็นการบอกกลาย ๆ ว่า การทำงานตำแหน่งนี้คงไม่ง่ายนัก
แม้จะรักงานที่ทำอยู่แค่ไหน พอทำไปเรื่อย ๆ ก็มักจะมีช่วงที่รู้สึกว่าการทำงานเดิม ๆ กลับใช้พลังงานมากกว่าแต่ก่อน การทำงานกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมา จนบางครั้งคิดว่าอยากจะเปลี่ยนงานไปซะดื้อ ๆ แต่เมื่อการเปลี่ยนงานไม่ได้ง่ายขนาดนั้น การปลุกไฟในตัวให้เกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นตัวช่วยที่ดีในวันที่เราเหลือ Passion ในการทำงานอันน้อยนิด
ถ้าเปลี่ยนงานไม่ได้ ก็เปลี่ยนวิธีคิดแทน
Patricia Chen ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาของ University of Texas ได้ทำวิจัยถึงทัศนคติของคนในการทำงาน โดยแบ่งคนตามวิธีคิดออกเป็น 2 อย่าง คือ
- Read more about 5 วิธีปลุกไฟในการทำงาน แก้อาการ Burnout Syndrome
- 1 comment
- Log in or register to post comments
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประกอบกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากในทุกแง่มุมของชีวิตรวมถึงในโลกการทำงาน และไม่ใช่แค่สำหรับบริษัทเทคโนโลยีเท่านั้น แต่บริษัทในทุกสาขาการทำงานจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงการทำงานที่บ้านและการทำงานแบบไฮบริด
องค์กร Burning Glass Institute ได้ร่วมมือกับ Business-Higher Education Forum (BHEF) และแหล่งตีพิมพ์ข้อมูลด้านการศึกษา Wiley เพื่อทำงานวิจัยในหัวข้อ “How Skills are Disrupting Work”
- Read more about 4 ทักษะจำเป็นสำหรับการทำงานยุคใหม่
- Log in or register to post comments
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คอร์สออนไลน์กลายเป็นตัวเลือกที่ดีวิธีหนึ่งในการหาความก้าวหน้าด้านการงาน เพราะเหมาะสำหรับทั้งผู้ที่ต้องการหาทักษะใหม่เพื่อไปทำงานในสายงานที่แตกต่างและผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเชิงลึกในสายงานเดิม
แพลตฟอร์มที่ใช้เรียนคอร์สออนไลน์ก็มีหลากหลายไม่ว่าจะทั้งคอร์สฟรีและคอร์สที่ต้องชำระเงินก็สามารถออนไลน์ผ่าน edX, Coursera หรือ LinkedIn เป็นต้น
LinkedIn รายงานว่า มากกว่า 44% จากจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดบนแพลตฟอร์มเพิ่มใบประกาศที่ได้รับจากการเรียนคอร์สออนไลน์เข้ามาในหน้าประวัติส่วนตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่าคอร์สออนไลน์เป็นวิธีที่คนทำงานมองหามากขึ้น
พอใกล้ช่วงสิ้นปี ในที่ทำงานก็มี Performance Review ในปี 2022 ว่าเรามีส่วนร่วมในการทำงานบริษัทเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปีแค่ไหน และบริษัทเราอยู่จุดไหนในอุตสาหกรรมเดียวกัน
น้อยคนที่จะมองย้อนกลับไปและประเมินว่า ‘ตัวเรา’ อยู่ตรงไหนแล้วหลังจาก 1 ปีผ่านมา เราได้ทำอะไรสำเร็จไปบ้างแล้วและมีอะไรที่ยังสามารถพัฒนาได้อยู่ เพราะแต่ละคนต่างให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายปีใหม่หรือ New Year’s Resolution ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี แต่จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้จักตัวเองในปีที่ผ่านมาให้ดีก่อนว่าตัวเราเองอยู่ตรงจุดไหนและต้องการอะไรก่อนที่จะวางแผนในปีถัดไป
เราสามารถรู้จักตัวเองในปีที่ผ่านมาได้ด้วยการตั้งคำถามและตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเอง
- Read more about 4 สิ่งที่ควรตกตะกอน ก่อนเขียน New Year’s Resolution 2023
- Log in or register to post comments
ในที่สุดช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2023 ก็มาถึง ในช่วงปี 2022 นี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในโลกการทำงาน ทั้งการรักษา work-life balance เทรนด์การ quiet quitting หรือจะเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
การตั้งเป้าหมายในปีใหม่หรือ New Year’s Resolution เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้เราเห็นภาพรวมตลอดทั้งปี ว่าเราต้องการอะไร มีอะไรที่ยังต้องพัฒนาตัวเองได้บ้าง และทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จไปพร้อมกับดีต่อสุขภาพและสุขภาพจิตของเรา ตัวอย่างของการตั้งเป้าหมายก็อย่างเช่น
Stack Overflow เผยข้อมูล Job Insights ของนักพัฒนาและพนักงานสายเทคโนโลยี โดยการสำรวจบริษัทเทคโนโลยีกว่า 2,600 แห่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
การเปลี่ยนงานของคนในแต่ละช่วงอายุ
Stack Overflow เผยผลสำรวจจำนวนงานที่คนในแต่ละช่วงอายุทำทั้งหมด พร้อมคิดเป็น % ของจำนวนคนทั้งหมดในช่วงอายุนั้น ๆ
ผลการสำรวจพบว่าพนักงานในสายเทคโนโลยี 74% กำลังมองหางานใหม่ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับผลสำรวจเมื่อปีที่แล้ว โดย คนที่มีอายุน้อยกว่ามีแนวโน้มที่จะมองหางานใหม่มากกว่าช่วงอายุที่มองหางานใหม่มากที่สุด คือ 20-24 ปี คิดเป็น 27% จากคนทั้งหมดในช่วงอายุเดียวกัน รองลงมาเป็นคนช่วงอายุ 25-34 ปี คิดเป็น 21% ตามมาด้วยช่วงอายุ 35-44 ปี และ 45-54 ปี คิดเป็น 17% และ 12% ตามลำดับ
คำว่าความทะเยอทะยานกลายเป็นคำที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ดีและสิ่งที่บั่นทอนสภาพจิตใจไปพร้อมกันในโลกที่เริ่มยึดถือการทำงานแต่พอดีและมี Work-life balance เป็นเป้าหมายสำคัญอีกอย่าง ทำให้เรื่องสุขภาพจิตในการทำงานได้รับการเน้นย้ำและใส่ใจมากขึ้น แต่จำเป็นหรือไม่ว่าเราต้องทอดทิ้งความทะเยอทะยานเพื่อพยายามรักษาสุขภาพจิตไว้
ในทางกลับกัน มีผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าความทะเยอทะยานไม่ได้ทำลายสุขภาพจิตเสมอไป เราสามารถทะเยอทะยานในหน้าที่การงานไปพร้อมกับการมีสุขภาพจิตที่ดีได้ สิ่งสำคัญคือก็ใช้ความทะเยอทะยานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพจิตที่ดีขึ้นซะเลย
- Read more about ทะเยอทะยานในหน้าที่การงานอย่างไร ไม่ให้เสียสุขภาพจิต
- Log in or register to post comments
จะดีแค่ไหนถ้าทำงานคนเดียวก็มีความสุข ทำงานเป็นทีมก็ราบรื่นแถมงานยังออกมามีประสิทธิภาพ
Fast Company ได้ทำการศึกษาเรื่องการทำงานเป็นทีมโดยศึกษาพนักงานหลายร้อยรายของบริษัท BTS สหรัฐอเมริกา เผยปัจจัยหลัก 4 ข้อที่ทำให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่หัวหน้าทีมควรนำไปปรับใช้เพื่อสร้างทีมงานคุณภาพที่สามารถทำงานร่วมกันได้ดี
ลองจิตนาการว่าไปทำงานแล้วคนที่บริษัทคอยจับตามองตลอดการทำงาน ตามจี้ทุกจุด แถมยังถามคำถามทุกครั้งที่พักกินข้าวหรือไปเข้าห้องน้ำ สถานการณ์แบบนี้สร้างความอึดอัดใจให้กับพนักงานแต่ก็ยังมีบริษัทจำนวนมากที่ใช้เครื่องมือวัดประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานด้วยการบันทึกเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าพนักงานทำงานอยู่หน้าจอตลอดหรือไม่ พร้อมประเมินออกมาเป็นคะแนนประสิทธิภาพเสร็จสรรพ
จริง ๆ แล้ว นอกจาก Productivity จะไม่สามารถวัดด้วยระยะเวลาที่พนักงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ การพยายามเก็บข้อมูลการทำงานและพยายามควบคุมพนักงานอยู่ตลอดเวลาทำให้พนักงานเกิดความอึดอัดในการทำงาน บางคนถึงกับมองว่าการคอยติดตามตลอดแบบนี้เป็นพฤติกรรมที่ท็อกซิกและทำให้เกิดความอับอายด้วย
เคยไหมที่รู้สึกหมดไฟกับงานที่ทำอยู่จนอยากจะลาออกแต่ก็ไม่รู้ว่าจะหางานที่มั่นคงเท่างานปัจจุบันได้ไหม แถมไม่รู้ด้วยว่าจะได้งานใหม่เมื่อไร แล้วจะใช้ชีวิตในช่วงที่ว่างงานอยู่รอดหรือไม่ แต่จะพยายามอดทนกับงานปัจจุบันยังไงก็ไม่รู้สึกดีขึ้นมา
Kathleen Hogan หัวหน้าฝ่ายบุคคลของ Microsoft ให้คำแนะนำถึง 2 สิ่งที่เราควรทำเมื่ออยากลาออกจากงานแต่ติดกับดักงานเดิมจนไม่กล้าลาออกซะทีแบบสถานการณ์ข้างต้น
เพราะการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และบริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีของ LINE MAN Wongnai เลยหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องคอยแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทั้งในแง่เทคโนโลยีหลังบ้านที่ดีมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น และตอบโจทย์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงและเติบโตอยู่ตลอดเวลา
Blognone Jobs พาไปอ่านแนวคิดในแง่เป้าหมาย การทำงาน และการเติบโตของทีม Engineer ของ LINE MAN Wongnai จากปากของคุณภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ ตำแหน่ง CTO กัน
การสมัครงานจะไปได้ราบรื่นต้องเริ่มจากการสร้าง First Impression ที่ดีต่อผู้รับสมัครงาน เริ่มตั้งแต่ตอนที่เราเห็นประกาศรับสมัครงานแล้วติดต่อไปยังบริษัทรับสมัครงาน Amanda Augustine ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพแบ่งปันทริคการเขียนอีเมล 11 ข้อ ที่จะทำให้เราสามารถแสดงความสามารถของตัวเองไปพร้อม ๆ กับการแสดงให้บริษัทเห็นว่าเรามีความสนใจที่จะทำงานกับบริษัทนั้น ๆ จริง ๆ
เขียนหัวข้ออีเมลให้ชัดเจน
การเขียนหัวข้อให้ชัดเจนว่าเรากำลังเขียนอีเมลติดต่อมาเพื่อสมัครงานเป็นเรื่องที่ดีกว่าการพยายามเขียนหัวข้อให้ดึงดูดหรือมีลูกเล่น อย่างเช่นเราควรเขียนว่า “Application for [ชื่อตำแหน่ง]: [ชื่อและนามสกุลผู้สมัคร]” หรือ “สมัครงานในตำแหน่ง…: [ชื่อและนามสกุลผู้สมัคร]”
- Read more about 11 วิธีเขียนอีเมลสมัครงาน เขียนยังไงให้ได้งานในฝัน
- Log in or register to post comments
งานนักพัฒนาอย่าง Developer หรือ Software Engineer กำลังได้รับความนิยม เงินเดือนก็ค่อนข้างสูง แต่จบไม่ตรงสาย จะเปลี่ยนมาสายนี้ได้อย่างไร คำถามนี้น่ากลายเป็นหนึ่งคำถามยอดฮิตไปแล้วในปัจจุบัน
คุณลิ่ว วสันต์ ลิ่วลมไพศาล ผู้ร่วมก่อตั้ง Blognone และ CTO ของ MFEC บริษัทให้คำปรึกษา พัฒนาและวางระบบไอทีองค์กรชั้นนำของไทย ได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบมาทางสาย Computer Science แต่มีความสนใจจะพัฒนาทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง ไปจนถึงหางานด้านนี้อย่างจริงจัง
ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงสตาร์ทอัพชั้นแนวหน้าของไทย LINE MAN Wongnai น่าจะติดขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งปัจจุบัน LINE MAN Wongnai เติบโตจนมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความท้าทายในเชิงซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีมากมายที่กำลังรออยู่ ซึ่งจากการแถลงข่าวการระดมทุนซีรีส์บีรอบล่าสุดของบริษัท ก็มีการประกาศด้วยว่า จะรับทีมงานด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นให้ถึง 450 คนภายในสิ้นปี 2565
แต่ก่อนจะยื่นใบสมัคร ลองไปดูวิธีคิดและความเห็นในการคัดเลือกคนของทีม People ของ LINE MAN Wongnai ที่เป็นด่านแรกกันก่อน เพื่อที่จะได้เตรียม resume และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการคัดเลือก
หลายคนคงสังเกตเห็นว่าเทรนด์การทำงานในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลาย ๆ บริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับการหาคนเก่ง ๆ มาทำงานเพื่อให้สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่น ๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งได้เริ่มทยอยกันปลดพนักงานออกครั้งใหญ่ ส่วนทางฝั่งพนักงานก็จำเป็นต้องพัฒนาความสามารถของตนเองอยู่ตลอดเวลาไปพร้อม ๆ กับการหาความยืดหยุ่นในที่ทำงานและ work-life balance ดังนั้น ทั้งบริษัทและพนักงานเองก็ต่างพยายามปรับเปลี่ยนและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานที่รวดเร็ว Blognone Jobs พาไปดู 5 เทรนด์การทำงานที่อาจจะเป็นอนาคตของโลกการทำงานรูปแบบใหม่
- Read more about 5 เทรนด์หลักที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของการทำงาน
- Log in or register to post comments
ในโลกการทำงานในปัจจุบันการสอนงานไม่ใช่แค่แบบ Top-down ที่พนักงานตำแหน่งสูง ๆ สอนงานให้กับพนักงานระดับต่ำกว่าอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลับมีแนวคิด “Reverse mentorship” เกิดขึ้น นั่นก็คือพนักงานระดับต่ำกว่าที่มักจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อยกว่าก็สามารถแนะนำผู้ใหญ่ในที่ทำงานได้เช่นกัน เพราะเมื่อระยะผ่านมา แนวคิดใหม่ ๆ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็เข้ามามีบทบาท
หลังจากเกิดไวรัสโควิด-19 และบริษัทส่วนใหญ่เปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน หลายบริษัทมีการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากไปจนทำให้เกิดสภาวะหมดไฟ(Burnout Syndrome) พอสถานการณ์กลับเป็นปกติ หลายบริษัทก็ยังให้ความสำคัญกับชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น จริง ๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงเวลาทำงานมีส่วนช่วยให้พนักงานมี work-life balance ทำให้สามารถสร้างงานที่มีคุณภาพไปพร้อม ๆ กับการใช้ชีวิตส่วนตัวได้
มีเทรนด์การเปลี่ยนเวลาการทำงาน 4 อย่างที่อาจกลายเป็นรูปแบบการทำงานใหม่ในอนาคตแทนที่การทำงาน 9 to 5 เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์
ปกติเมื่อเราได้งานที่เราพึงพอใจเรียบร้อยแล้ว เราก็จะหยุดเข้าเว็บไซต์ LinkedIn หรือแพลตฟอร์มหางานใด ๆ ก็ตามแต่จนกว่าเราจะรู้สึกว่าต้องการย้ายงานอีกครั้ง แต่ที่จริงแล้วการคอยดูโพสต์ประกาศรับสมัครงานอยู่อย่างต่อเนื่องก็มีข้อดีเช่นเดียวกัน
Alexandra Cavoulacos และ Kathryn Minshew ประธานบริษัทและซีอีโอของเว็บไซต์หางานและให้คำปรึกษาด้านการทำงาน The Muse เสนอทริคไว้ในหนังสือ The New Rules of Work ที่ทั้ง 2 คนร่วมกันเขียนว่า ที่จริงแล้วแม้ว่าเราจะยังมีความสุขดีกับงานปัจจุบัน เราก็ควรดูประกาศรับสมัครงานและให้ความสนใจในส่วน Job Description ของตำแหน่งที่เปิดรับ และบอกทักษะที่จำเป็นในแต่ละตำแหน่ง
- Read more about ทำไมเราควรมองหางานตลอดเวลา แม้จะมีความสุขกับงานปัจจุบัน
- Log in or register to post comments
การสร้าง Productivity ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวสามารถทำได้หลายวิธี แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ตอนตื่นนอนด้วยการสร้างกิจวัตรประจำวันที่ดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ ซึ่งนอกจากประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว การเริ่มต้นวันที่ดีจะช่วยลดความเครียดและทำให้มีพลังตลอดวันด้วย
Erin Engla นักจิตวิทยาคลินิกจาก Irving Medical Center จากมหาวิทยาลัยโคลอมเบียได้แนะนำ 10 ขั้นตอนที่จะช่วยสร้างกิจวัตรประจำวันที่ดีที่ช่วยส่งเสริมความมั่นใจและความ Productivity เอาไว้ ดังนี้
หากเราสังเกตคงเห็นว่าปัจจุบันมีเทรนด์ในการทำงานต่าง ๆ ที่พยายามหาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักใหญ่ ๆ ที่คนทำงานจำนวนมากยังต้องเผชิญคือภาวะหมดไฟในการทำงาน
แม้จะเป็นอาการที่ใคร ๆ ก็เป็นได้แต่การหมดไฟ ไม่มีแรงทำงาน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเพราะเป็นตัวทำลายสุขภาพจิตของเรา และทำให้รู้สึกทรมานกับการต้องตื่นไปทำงานทุกวัน สาเหตุของการหมดไฟมีหลายอย่างซึ่งบางครั้งเราเองก็มองข้ามโดยที่ไม่รู้ตัว
Fast Company ได้สำรวจพนักงานระดับมืออาชีพที่มีงานยุ่ง (busy professionals) กว่า 700 คนในตำแหน่งต่าง ๆ โดยตั้งคำถาม 2 คำถามคือ อะไรเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณรู้สึกหมดไฟในการทำงาน? และ อะไรที่ช่วยให้คุณไม่หมดไฟในการทำงาน?
- Read more about Burnout Syndrome: สาเหตุของภาวะหมดไฟที่ไม่ควรมองข้าม
- 1 comment
- Log in or register to post comments
เมื่อก่อนการพูดถึงเรื่องเงินเดือนในที่ทำงานหรือแม้แต่การคุยกันระหว่างเพื่อนร่วมงานดูเป็นเรื่องต้องห้าม แต่ในปัจจุบันเรื่องเงินเดือนอาจกลายเป็นเรื่องที่เปิดเผยมากขึ้นเพราะเราให้ความสำคัญกับการได้เงินเดือนที่คุ้มค่ากับการทำงานของเรามากที่สุด
ถึงอย่างนั้น การต่อรองเงินเดือนก็ยังคงเป็นปัญหาและสร้างความกดดันให้ผู้เริ่มงานหลาย ๆ คนโดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มทำงานครั้งแรกหรือ First Jobber การรู้เทคนิคการต่อรองไว้บ้างจะช่วยให้การต่อรองเงินเดือนเป็นเรื่องง่ายขึ้น และช่วยให้เราได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถของเราด้วย
- Read more about 3 วิธีต่อรองเงินเดือน
- Log in or register to post comments
Lexi Reese อดีตผู้บริหารของ Google เผย 3 คำถามที่ควรถามตัวเองก่อนจะเปลี่ยนงานเมื่อ Job Hopping เป็น New Normal
Lexi Reese เริ่มต้นเส้นทางการทำงานด้วยการเป็นผู้สร้างภาพยนตร์สารคดี ก่อนที่จะเปลี่ยนมาทำงานเป็นทนายความในหน่วยอาชญากรรมทางเพศในสำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตัน จนมาเป็นผู้บริหารที่ Google และ American Express
ปัจจุบัน Reese เป็นที่ปรึกษาในบริษัท General Catalyst บริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่ที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
หากลองสังเกตจะพบว่าเธอเปลี่ยนงานแต่ละครั้งก็เหมือนกับการเปลี่ยนสายงานเลยก็ว่าได้ เธอให้สัมภาษณ์ว่าทุกครั้งที่เธอต้องการจะเปลี่ยนงาน จะต้องถามตัวเองด้วยคำถาม 3 ข้อ
เราทำงานกันแบบเช้าไปทำงานที่ออฟฟิศ พักกลางวันตอนเที่ยง นั่งทำงานต่อถึงเย็นก่อนจะกลับบ้านมาเป็นเวลาหลายทศวรรษก่อนที่จะเกิดโควิด-19 การเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านหรือทำงานแบบไฮบริดทำให้หลายคนหรือหลายบริษัทเริ่มรู้ว่าเราสามารถสร้างงานที่มีคุณภาพได้แม้ไม่ได้นั่งทำงานในออฟฟิศตั้งแต่เช้ายันเย็น พอหลังโควิด หลายบริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนชั่วโมงการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากการให้ความสนใจกับเวลาทำงานของพนักงงานมาเป็นคุณภาพผลงานแทน ซึ่งจริง ๆ การทำงานไม่เป็นเวลากลับเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความ productivity ของพนักงานได้มากขึ้น
ชีวิตการทำงานกินเวลาถึง 1 ใน 3 ในแต่ละวันของเรา การทำงานที่ดีในบริษัทที่ดีจึงเป็นเรื่องที่เราควรให้ความสนใจมาก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากทำงานในองค์กรที่ดี ที่พร้อมสนับสนุนให้เราเติบโตไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่ส่วนใหญ่ ผู้สมัครก็ยังไม่สามารถประเมินและตัดสินใจได้ว่าบริษัทนั้น ๆ ดีหรือไม่ดีอย่างไร และเหมาะกับเราหรือไม่
การศึกษาวัฒนธรรมองค์กรจากมุมมองของคนที่ยังไม่ได้เข้าไปทำงานก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เมื่อวัฒนธรรมองค์กรและชีวิตการทำงานที่เราหาอ่านได้จากหน้าเว็บไซต์กับวัฒนธรรมองค์กรเมื่อเราเข้าไปทำงานจริง ๆ อาจไม่ตรงกันก็ได้ แล้วเราจะตัดสินใจอย่างไรดี?
ทำไมวัฒนธรรมองค์กรจึงสำคัญ?
เริ่มแรกเราควรเข้าใจก่อนว่าทำไมวัฒนธรรมในที่ทำงานถึงมีความสำคัญ
- Read more about วิธีการประเมินวัฒนธรรมองค์กรก่อนตอบรับงาน
- Log in or register to post comments